คอลัมนิสต์

จี้พรรคการเมืองชูขึ้นภาษีบุหรี่เหล้าหยุดตายโรคเรื้อรัง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทความพิเศษ...

 

 

          หลังผลวิจัยชี้ชัดตายจากบุหรี่ปีละ 55,000 คน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 22,000 ราย สูญเสียงบรักษาปีละ 7 หมื่นล้าน  หนทางหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้ก็คือ  มาตรการทางภาษี ที่เชื่อว่าจะสามารถสกัดการตายด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของคนไทยเอาไว้ได้

 

 

          ศ.นพ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะประธานกรรมการกำกับทิศแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เผยถึงผลการศึกษา “ต้นสายปลายเหตุ ภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่คนไทยต้องแบกรับ” ซึ่งพบว่า “รายงานภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงของประชากร” ชี้สาเหตุสำคัญจากพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง “บุหรี่-เหล้า-ความดันโลหิตสูง-โรคอ้วน” ทำคนไทยป่วย-ตายก่อนวัยอันควร โดยบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งทำคนไทยตายสูงสุด 55,000 คนต่อปี และคนสูบบุหรี่ตายเร็วขึ้นเฉลี่ยคนละ 18 ปี จากโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง และโรคปอด

 


          ด้าน ทพญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ หัวหน้าแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ เปิดเผย “รายงานภาระโรคจากปัจจัยเสี่ยงของประชากร พ.ศ.2557” ที่ทำการศึกษา 14 ปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่สำคัญของคนไทย พบสาเหตุหลักของการเจ็บป่วยและตายก่อนวัยอันควรในเพศชาย ได้แก่ การดื่มสุราและสูบบุหรี่ ส่วนเพศหญิงได้แก่การมีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนและภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งพฤติกรรมทางสุขภาพที่เสี่ยงเหล่านี้ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคมะเร็ง หัวใจและหลอดเลือดสมอง เบาหวาน และยังส่งผลต่อการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นผลจากการดื่มสุรา




          ทั้งนี้บุหรี่ยังคงเป็นต้นเหตุสำคัญอันดับหนึ่งของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในคนไทย โดยพบครึ่งหนึ่งของคนสูบบุหรี่จะเสียชีวิตจากบุหรี่ ซึ่งปัจจุบันคนไทยสูบบุหรี่ 10.7 ล้านคน และในแต่ละปีคนไทยตายจากบุหรี่ปีละ 55,000 คน ซึ่งเฉลี่ยจะตายก่อนวัยอันสมควรคนละ 18 ปี นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังทำให้ทุกข์ทรมานจากการป่วยก่อนเสียชีวิตประมาณ 3-4 ปี จนก่อให้เกิดความสูญเสียงบประมาณในการรักษา ประมาณ 74,884 ล้านบาทต่อปี ขณะที่รัฐเก็บภาษีได้เพียงปีละไม่มากซึ่งมูลค่าที่สูญเสียสูงกว่าภาษีจากบุหรี่ที่รัฐจัดเก็บได้ถึง 2 เท่า 


          ขณะที่ ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช รอง ผอ.ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) พบว่า แม้ว่าอัตราการสูบบุหรี่ในคนไทยมีแนวโน้มที่ลดลง และสัดส่วนของคนไม่สูบบุหรี่ต่อคนสูบบุหรี่สูงขึ้น แต่ยังจะพบอัตราการตายจากโรคที่เกิดจากบุหรี่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งการศึกษาทั่วโลกพบการเปลี่ยนแปลงของอัตราการตายจากบุหรี่จะเกิดขึ้นช้ากว่าอัตราการสูบบุหรี่ที่ลดลงถึง 30-40 ปี หรือกล่าวได้ว่าอัตราการตายจากบุหรี่ในปัจจุบันเป็นผลของสถานการณ์การสูบบุหรี่เมื่อ 30-40 ปีก่อนหน้า ทั้งนี้มาตรการสำคัญในการควบคุมการบริโภคยาสูบต้องดำเนินต่อเนื่องอย่างเข้มข้นเพื่อช่วยลดความสูญเสียอันเกิดจากการสูบบุหรี่


          ดังนั้นมาตรการเร่งด่วนในปัจจุบันที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการ คือการปรับอัตราภาษีบุหรี่เป็นอัตราเดียวกันคือ 40% ตามแผนที่กำหนดไว้ในเดือนตุลาคม 2562 กรมสรรพสามิตควรเร่งพิจารณาขึ้นภาษียาเส้นที่ปัจจุบันมีราคาถูกว่าบุหรี่โรงงานหลายเท่าทั้งที่พิษภัยจากการสูบไม่แตกต่างกัน และจัดระบบควบคุมบุหรี่ผิดกฎหมาย 


          ส่วนผลศึกษาปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ ดร.ภญ.อรทัย วลีวงศ์ นักวิจัยจากสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมเสี่ยงสำคัญที่ทำให้คนไทยป่วยและตายก่อนวัยอันควร และยังคงเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดความสูญเสียของการมีสุขภาวะที่ดีในผู้ชายไทย แต่ละปีคนไทยเสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 22,000 ราย ซึ่งเฉลี่ยจะตายก่อนวัยอันสมควรจากการป่วยด้วยโรคจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คนละ 29 ปี เนื่องจากปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพเฉพาะตัวผู้ดื่ม แต่ยังสร้างปัญหาสุขภาพต่อบุคคลรอบข้างผู้ดื่มด้วยทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น การทำร้ายร่างกาย การได้รับอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ คุณภาพที่ชีวิตที่แย่ลง


          นอกจากนี้ ดร.ภญ.อรทัย ยังเปิดเผยว่า ความเข้าใจที่ว่ามีระดับการดื่มที่ปลอดภัยนั้น องค์การอนามัยโลกย้ำว่า “ไม่มีการดื่มในระดับที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เหล้าเข้าปากเมื่อไร เสี่ยงเมื่อนั้น” การจัดการปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากจะลดภาระโรคและความสูญเสียทางด้านสุขภาพและรักษาชีวิตนักดื่มแล้ว ยังช่วยลดปัญหาสังคมอื่นๆ ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งดำเนินการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การขึ้นภาษี การลดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือการจัดการที่จุดจำหน่ายหรือบริการ และการควบคุมการโฆษณาส่งเสริมการขายของบริษัทเหล้า ซึ่งเป็นนโยบายที่มีประสิทธิผลในการลดการดื่มของประชาชนและลดผลกระทบในภาพรวมของประเทศได้


          ด้าน นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค ได้กล่าวย้ำถึงอันตรายจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทำคนไทยตายมากกว่าโรคติดต่อถึง 3 เท่า และ ยังได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองที่กำลังหาเสียงในช่วงเลือกตั้งควรแสดงจุดยืนและประกาศนโยบายพรรคเพื่อจัดการปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเหล่านี้ ซึ่งมาตรการสำคัญคือการขึ้นภาษีสินค้าที่ทำลายสุขภาพโดยเฉพาะบุหรี่และสุรา


          สำหรับปัจจัยเสี่ยงสุขภาพจากสิ่งแวดล้อมที่มาจากปัญหามลพิษก็เพิ่มขึ้น ดร.ภญ.ฐิติพร สุแก้ว นักวิจัยแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย ได้เสนอถึงความสำคัญของการมีมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ตัวอย่างผลกระทบของมลพิษทางอากาศจากฝุ่นขนาดเล็กกับสุขภาพจากการศึกษาผลกระทบทางสุขภาพจากหมอกควันภาคเหนือพบความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มขึ้นของระดับมลพิษ พีเอ็ม 10 รายวัน มลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นในช่วงหมอกควันภาคเหนือ 2.5-4 เท่าของระดับมลพิษปกติในแต่ละจังหวัด มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของอัตราการตายก่อนวัยอันควรและการเข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรคทางเดินหายใจ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ