คอลัมนิสต์

ทิ้งลูกไปปาร์ตี้..พ่อแม่สายย่อ(ควร)ผิดอีกกระทง?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สายตรวจระวังภัย  โดย...  กิตติพงษ์ มณีฤทธิ์


 

          เหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับการจัดระเบียบสังคม โดยเฉพาะเหล่าสถานประกอบการ หรือสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่จัดปาร์ตี้ให้แก่นักท่องราตรี แทบทุกแห่งที่ถูกเข้าดำเนินการเหมือนเป็นแหล่ง “มั่วสุมเสพยาเสพติด” ปล่อยให้เด็กเยาวชนเข้าไปเที่ยวโดยไม่แยแสสังคมและกฎหมายของบ้านเมือง ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐที่ผ่านมามีหลายหน่วยงาน ทั้งตำรวจในพื้นที่ หรือตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษจากนอกหน่วย รวมถึงการเข้าไปตรวจจับกุมของกรมการปกครอง 

 


          เช่นเดียวกันกับปฏิบัติการตรวจจับสถานบันเทิง “400 ซีซี” ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. ที่จัดปาร์ตี้ต้อนรับวันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาต่อเนื่องจากค่ำคืนวันที่ 31 มกราคม ด้วยคอนเซ็ปต์ “UPSIZE เต้นยังไงให้ได้ผัว...”


          การดำเนินการตรวจสถานบันเทิงในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ นำโดย พ.ต.อ.นพดล กาญจนพันธุ์ ผกก.สน.หนองค้างพลู พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผู้กำกับการกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.ดส.บช.น.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร (ป.ป.ส.กทม.) สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้น หลังมีข้อมูลว่าปาร์ตี้ที่จัดขึ้นมีนักเที่ยวเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ลักลอบเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก และเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดของบรรดานักท่องราตรี ซึ่งผลการตรวจสอบก็เหมือนหลายครั้งในหลายๆ แห่ง คือมีเด็กเยาวชนเข้าไปเที่ยว ฉี่ม่วงอีกอื้อ ยาเสพติดหลากชนิดพร้อมอุปกรณ์การเสพอีกเพียบถูกทิ้งเกลื่อนพื้น !


          แต่ทว่าการบุกจับผับในครั้งนี้กลับมีความผิดปกติต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ชนิดที่เรียกว่า “ตำรวจผงะ” “นักข่าวตะลึง” เพราะระหว่างที่กำลังลำเลียงผู้ต้องหาขึ้นรถเพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.หนองค้างพลู ดำเนินคดี ได้พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ตม 4655 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องเปิดแอร์ลดกระจกอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าสถานบันเทิง โดยในรถมีเด็กหญิงวัย 3 ขวบ นอนหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วนพ่อแม่เด็กไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น “พ่อแม่สายย่อ” วัย 30 ปี ที่ถูกจับเสพยาเสพติด เนื่องจากมีผลปัสสาวะเป็นสีม่วงทั้งคู่ สุดท้ายต้องกระเตงลูกน้อยไปโรงพัก พร้อมกับบอกว่า ระหว่างปาร์ตี้ในผับจะสลับกันออกมาดูลูกทุกๆ 15 นาที


          เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.จิรกฤต บอกว่า กฎหมายและความผิดที่เกิดขึ้นของพ่อแม่เด็ก 3 ขวบ คือข้อหาเสพยาเสพติด ส่วนการทิ้งลูกไว้ในรถลำพังนั้นอันตรายยังไม่เกิด จึงทำอะไรไม่ได้ เจ้าหน้าที่ทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน แต่ถ้าหากเด็กได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต หรืออาการสาหัสหมดสติในรถ ก็จะถูกแจ้งข้อหา “กระทำการประมาท” เหมือนกับกรณีที่ครูหรือคนขับรถโรงเรียนลืมเด็กไว้ในรถ ส่วนอัตราโทษก็จะเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา ถ้าเสียชีวิตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หากอันตรายสาหัสต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


          สิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพ่อแม่สายย่อ ถ้าเป็นในต่างประเทศต้องถูกจับดำเนินคดีส่งให้ศาลตัดสิน เช่นในประเทศออสเตรเลีย เพียงแค่แม่ทิ้งลูก 10 ขวบ กับ 5 ขวบ ไว้ในรถลำพังเพียงแค่ 5 นาที เพราะแวะจอดรถเข้าไปซื้อของในมินิมาร์ท โดยไม่มีผู้ใหญ่อยู่กับเด็กยังต้องถูกยื่นฟ้องขึ้นโรงขึ้นศาล ประวัติดีไม่มีเจตนาละเลยก็รอดถูกยกฟ้อง แต่ถ้าเป็นกรณีที่ทิ้งลูกไว้ในรถลำพังแล้วพ่อแม่ไปปาร์ตี้ในผับเห็นทีจะไม่รอด


          งานนี้ต้องบอกว่าเป็นโชคดีของเด็กที่ไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง เพียงแต่โชคร้ายที่มีพ่อแม่ไม่ใส่ใจสวัสดิภาพของลูกน้อยตาดำๆ..!!

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ