ทปอ.เปิดเคลียริ่งรอบ3/2 คาดแก้ปัญหากั๊กที่นั่งได้

 

          หลังจากประกาศผลทีแคสรอบ 3 ทำให้นักเรียนบางส่วนสามารถเลือกสมัครได้ 4 แห่งโดยไม่มีลำดับ และเมื่อนักเรียนยื่นสิทธิ์แล้วจะมีที่นั่งว่างลง ทำให้จำนวนรับนักเรียนไม่ครบตามเป้าหมาย ส่งผลกระทบทั้งมหาวิทยาลัยและนักเรียน ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ. จึงจะมีการยื่นยืนยันสิทธิ์รอบ 3 เป็น 2 ครั้ง หรือ 3/1 และ 3/2 ให้มีการสอบสัมภาษณ์พร้อมกันวันที่ 10-11 มิถุนายน โดยถือว่านักเรียนที่ไม่ยื่นสิทธิ์เท่ากับสละสิทธิ์ในรอบ 3/1 โดยไม่สามารถเรียกร้องใดๆ ได้ 

          เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นายประเสริฐ คันธมานนท์ เลขาธิการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวภายหลังการหารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อจัดการแก้ไขปัญหาระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา (ทีแคส) รอบ 3 ซึ่งมีนักเรียนและผู้ปกครองนัดรวมพลในวันที่ 31 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมถึงปัญหาโต้แย้งกรณีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 4 แห่งทำให้เกิดการกั๊กที่ ว่าจากการรับฟังปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นและทำให้เด็กส่วนใหญ่รู้สึกว่าทีแคสรอบ 3 เกิดการกั๊กที่นั่งของเด็กที่ได้คะแนนสูงมากโอกาสมากกว่าเด็กคนอื่น 

 

 

          เคลียริ่งเฮ้าส์รอบ 3 เป็น 2 ครั้ง
          ทปอ.จึงจัดการแก้ไขปัญหาโดยให้เพิ่มการเคลียริ่งเฮ้าส์ ทีแคส รอบ 3 เป็น 2 ครั้ง โดยเป็นรอบ 3/1 และรอบ 3/2 โดยในรอบ 3/1 ดำเนินการวันที่ 1-3 มิถุนายน ซึ่งเมื่อเคลียริ่งเฮ้าส์รอบ 3/1 เสร็จสิ้น จะดำเนินการรอบ 3/2 ทันที โดยให้มีการสอบสัมภาษณ์พร้อมกัน ระหว่างวันที่ 10-11 มิถุนายน ซึ่งการมีที่นั่งว่างในมหาวิทยาลัยมากน้อยขนาดไหนนั้น มหาวิทยาลัยจะแจ้งมาที่ทปอ. เพราะการตัดสินใจทั้งหมดเป็นไปตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย

          “นักเรียนทุกคนที่สมัครทีแคสรอบ 3 ไม่ต้องเข้ามาสมัคร หรือชำระค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม โดยระบบจะดำเนินการตามอันดับที่นักเรียนได้เลือกไว้อยู่แล้ว ส่วนที่เด็กจะมารวมพลกันในวันที่ 31 พฤษภาคมนั้น สามารถกระทำได้ แต่ตอนนี้ทปอ.ก็มีการแก้ไขปัญหาแล้ว” นายประเสริฐ กล่าว
 

 

 

          สำหรับปัญหาการกั๊กที่นั่ง มองว่าจะเกิดในมหาวิทยาลัยดังที่เด็กทุกคนอยากเข้าเรียน เชื่อว่าจะเกิดกรณีรุนแรงไม่น่าจะเกิน 5 มหาวิทยาลัยดังที่เด็กอยากเข้าเท่านั้น ซึ่งการกั๊กที่นั่นไม่สามารถแก้ไขได้ 100% ทุกครั้งของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะมีปัญหานี้อยู่แล้ว แต่ระบบทีแคสรอบ 3 ที่ดำเนินการนี้จะสามารถป้องกันการกั๊กที่นั่งได้ถึง 70-90%
     
          ส่วนที่นักเรียนกังวลว่าเคลียริ่งเฮ้าส์รอบ 3/2 จะเป็นกั๊กที่นั่งเช่นเดิมนั้น เชื่อว่าทำให้การกั๊กที่นั้นลดน้อยลง เพราะนักเรียนที่สอบติดกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ซึ่งมีประมาณ 2,000 กว่าคนเท่านั้น มีการยืนยันสิทธิ์ไปแล้ว ดังนั้นการกั๊กที่จากเด็กกลุ่มนี้จะไม่เกิดขึ้น 
     
          ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้ทีแคสรอบ 3 มีการจัดลำดับในการเลือกนั้น ทปอ.ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากทีแคสรอบ 3 เป็นการรับตรงของแต่ละมหาวิทยาลัยที่มีเกณฑ์ในการคัดเลือกแตกต่างกัน ทปอ.ทำหน้าที่เป็นเพียงหน่วยงาน ไม่ได้มีเกณฑ์กลาง หรือเป็นผู้กำหนด แต่ในส่วนรอบ 4 แอดมิชชั่น ทปอ.สามารถจัดลำดับได้ เพราะมีเกณฑ์กลางในการคัดเลือกเด็ก

          กั๊กที่นั่งไม่น่ากลัวเท่าเด็กไม่รู้จักตัวเอง
          “ขณะนี้สิ่งที่ผมเป็นห่วงไม่ใช่ปัญหาเรื่องการกั๊กที่ แต่เป็นประเด็นที่เด็กกลุ่มได้คะแนนสูงเลือกทั้งคณะแพทย์ในส่วนของกสพท. และยังไปเลือกคณะนิเทศศาสตร์ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเด็กไม่มีความชัดเจนในเป้าหมายการเรียนและในชีวิต ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากเพราะเท่ากับเด็กไม่รู้จักตนเอง อาจจะส่งผลต่อการเรียนในอนาคต อีกทั้งสะท้อนให้เห็นว่าเด็กไม่สนใจเรียนในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ แต่มองว่าตัวเองคะแนนสูงจะเรียนในสาขาใดก็ได้ ดังนั้นผมคิดว่าการที่จะมาคิดว่าการกั๊กที่เป็นเรื่องน่ากลัว เราควรจะกลัวอนาคตของประเทศก่อนดีหรือไม่หากเด็กเลือกมหาวิทยาลัยจากคะแนนสูงอย่างเดียว” นายประเสริฐกล่าว

 

   
          สำหรับประเด็นที่สังคมมองว่าการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยเป็นรายได้ของมหาวิทยาลัยเพราะต้องเสียค่าสมัครนั้น ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยอาจจะมีรายได้จากการสมัครจริงเนื่องจากระบบการรับตรงอิสระมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้จัดสอบ กำหนดค่าสมัคร และเกณฑ์ต่างๆ เป็นไปตามมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ซึ่งทำให้เด็กวิ่งรอกสอบและต้องเสียค่าสมัครจำนวนมาก รวมถึงบางคนต้องเสียค่าเดินทาง ค่าที่พัก หรือบางมหาวิทยาลัยต้องเสียค่าเล่าเรียนเพื่อจองมหาวิทยาลัยไว้ และบางคนสามารถสมัครได้ถึง 10 มหาวิทยาลัย 
     
          แต่ในระบบทีแคสรอบ 3 นี้ เป็นการแก้ปัญหาวิ่งรอกสอบและลดค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง ซึ่งนักเรียนจะเสียค่าสมัครตามที่นักเรียนเป็นคนเลือกเท่านั้น ซึ่งหากเลือก 4 อันดับ จะเสียค่าสมัครมากสุดเพียง 900 บาทเท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือนร้อนจากการดำเนินการครั้งนี้ ยินดีขอโทษ และพร้อมรับฟังความคิดเห็น ปัญหา เพื่อนำไปแก้ไขครั้งต่อไป

 

 

          ร้องจัดที่นั่งทีแคสรอบ 3 ให้เต็ม
          นางเฉลิม เติมทอง ผู้ปกครองนักเรียนที่สอบทีแคสรอบ 3 กล่าวว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ลูกและครอบครัวเครียดกันมาก ลูกถึงขั้นร้องไห้ มองว่า ทปอ.ควรทำให้เด็กที่สมัครรอบ 3 ได้ที่นั่งให้เต็ม ไม่ควรผลักไปยัง TCAS รอบ 4 เนื่องจากใช้เกณฑ์คนละเกณฑ์ เช่น สอบวิศวะในรอบ 3 ใช้แพต 3 แต่รอบ 4 ใช้แพต 2 ซึ่งลูกไม่ได้สอบแพต 2 ถามว่าหากผลักไปเป็นรอบ 4 ก็ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงบางสาขาอาจไม่เปิดรับในรอบที่ 4 ด้วยซ้ำ
   
          นางเฉลิม กล่าวว่า รอบ 3 ควรเป็นการเลือกแบบมีลำดับ คะแนนถึงตรงไหนก็ควรได้อันดับนั้นที่เดียว ซึ่งที่ผ่านมาไม่เข้าใจกันว่าเลือกแบบไม่มีอันดับหมายความว่าอะไร สุดท้ายจึงมารู้ว่าไม่มีลำดับคือ คนที่คะแนนสูงได้ทุกที่ และหาก TCAS 3/2 ไม่มีลำดับทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม เพราะคนสอบมีกว่า 3 แสนคน ต้องมีการกั๊กที่กันเหมือนเดิมอยู่ดี จึงอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบ และการแก้ปัญหาของ ทปอ.ควรให้มีผู้ส่วนได้เสียเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ไม่ใช่หารือกันแล้วออกมาประกาศ และไม่ควรใช้ระบบนี้อีกในปีหน้า เพราะมีลูกอีกคนก็หวั่นว่าจะเกิดปัญหาแบบเดิมๆ
     

 

          โดยก่อนหน้านี้ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ.ได้ออกหนังสือแถลงการณ์ลงวันที่ 30  พฤศจิกายน 2561 โดยระบุว่า ทปอ.ขอเรียนให้ทราบว่า การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบ TCAS ได้ดำเนินการด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นรูปแบบเดิมของการรับบุคคลเข้าศึกษาในปีที่ผ่านมาแล้วทั้งสิ้น ต่างมหาวิทยาลัยต่างดำเนินการ
   
          อย่างไรก็ตาม แต่ไม่เคยนำเสนอให้ เห็นในภาพใหญ่ ภาพรวมอย่างเป็นระบบ ปัญหาที่ผ่านมาจะเกิดโดยตรงต่อแต่ละมหาวิทยาลัย ระบบ TCAS เป็นการรวบรวมข้อมูลการคัดเลือกมาบริหารจัดการอย่างเป็นระบบที่เปิดเผยและโปร่งใส