เว็บไซต์ worldometers อัปเดตเคสผู้ป่วย "โควิด-19" ที่มีอาการหนักจากทั่วโลก ปรากฏว่า ไทยพบเคสผู้ป่วยอาการหนักทะยานขึ้นอันดับ 6 ของโลก 3 เอเชีย 1 อาเซียน
(5 ส.ค.2564) เว็บไซต์ worldometers อัปเดตเคสผู้ป่วย "โควิด-19" ที่มีอาการหนักจากทั่วโลก ปรากฏว่า ประเทศไทยพบเคสดังกล่าวติดอันดับ 6 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนซึ่งพบถึง 4,993 ราย
สถานการณ์โรค "โควิด-19" ประจำวันนี้โดยจำนวนผู้ติดเชื้อ "โควิดวันนี้" 20,920 ราย (เป็นติดเชื้อใหม่ 20,658 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 262 ราย)
ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อ "โควิดวันนี้" สะสมอยู่ที่ 693,305 ราย หายป่วยแล้ว 473,732 ราย กำลังรักษา 213,910 เสียชีวิตเพิ่มวันนี้ 160 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 5,663 ราย จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. - 4 ส.ค. 2564) รวม 18,961,703 โดส ใน 77 จังหวัด ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ยอดฉีดทั่วประเทศ 383,607 โดส เข็มที่ 1 : 290,616 ราย , เข็มที่ 2 : 92,991 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 14,783,001 ราย , จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 4,178,702 ราย
ผู้ป่วยอาการหนัก 10 อันดับแรกของโลก
- สหรัฐอเมริกา 12,705 ราย
- อินเดีย 8,944 ราย
- บราซิล 8,318 ราย
- โคลอมเบีย 8,155 ราย
- อิหร่าน 5,959 ราย
- ไทย 4,993 ราย
- เม็กซิโก 4,798 ราย
- ปากีสถาน 4,050 ราย
- อาร์เจนติน่า 3,748 ราย
- รัสเซีย 2,300 ราย
โดยเรื่องนี้ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้วิเคราะห์สถานการณ์ "โควิด-19" ในไทยโดยระบุว่า ตอนนี้ไทยมีจำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติสูงเป็นอันดับที่ 6 ของโลก , อันดับที่ 3 ของเอเชีย และเป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียน จากข้อมูลพบว่า ณ ปลายเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา อัตราการตรวจพบว่าติดเชื้อสูงมากถึงเกือบ 24% นั่นคือตรวจประมาณ 4 คนจะเจอว่าติดเชื้อ 1 คน
ความชุกของการติดเชื้อโควิด-19 ที่ตรวจพบนี้ถือว่าสูงมาก และย้ำเตือนให้เราทุกคนต้องตระหนักถึงสถานการณ์การระบาดขณะนี้ว่า "วิกฤติ"
ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ที่ควรพิจารณาดำเนินการในสถานการณ์เช่นนี้ คือ
1. จำเป็นต้องขยายศักยภาพของการตรวจคัดกรองโรคให้มากกว่าที่ทำมา อย่างน้อยอีก 2-3 เท่า คือตรวจให้ได้ 150,000-200,000 ครั้งต่อวัน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อแพร่เชื้อของคนในสังคม
ทั้งนี้ เชื้อสายพันธุ์เดลตามีสมรรถนะในการแพร่เร็วกว่าอัลฟาถึง 55% และคนติดเชื้อ 1 คนจะแพร่ให้ผู้อื่นได้ราว 8-9 คนเทียบเท่ากับโรคสุกใส ดังนั้น การตรวจให้มาก เร็ว และครอบคลุมพื้นที่จึงเป็นหัวใจสำคัญในการต่อสู้ศึกนี้
2.วัดและโรงเรียนทั่วประเทศ จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ในฐานะศูนย์พักพิงสำหรับผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ เพราะการทำ Home Isolation และ Community Isolation ในลักษณะอื่นนั้นแม้จะดำเนินไปได้ แต่การบริการหน่วยย่อยระดับครัวเรือนนั้นจะไม่ทางทำได้อย่างทั่วถึงหรือเพียงพอ และมีโอกาสที่จะติดเชื้อแพร่เชื้อในครัวเรือนไปเรื่อยๆ ดังนั้น การทำให้เป็นยูนิตที่ใหญ่ขึ้นสำหรับกลุ่มที่ไม่มีอาการนั้นจะมีความคุ้มค่าและเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าในระยะหลายเดือนถัดจากนี้
3.ควรเตรียมประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน ลดการนำเข้าสิ่งฟุ่มเฟือย เน้นการใช้ของภายในประเทศ เพราะแนวโน้มการระบาดลักษณะที่กำลังเผชิญนี้มีความยาวนาน
4.ระบบสาธารณสุขต้องวางแผนรับมือกับเรื่องผู้ป่วยที่มีอาการคงค้างระยะยาว หรือที่เรียกว่า COVID Long Hauler/Chronic COVID Syndrome ซึ่งประเทศต่างๆ ที่ผ่านการระบาดหนักมาก่อน มีผู้ป่วยที่พบภาวะดังกล่าวมากได้ถึงราว 30-40%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง