นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เยี่ยมจุดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล เชื่อมั่นไทยจะต้องดีขึ้นกว่าเดิม หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ชี้ หลายคนยังกลัวฉีดวัคซีน เหตุเพราะ มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ย้ำ อย่าทำผิดกฎหมาย
12 พ.ค.64 เวลา 13.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นอกโรงพยาบาล ที่บริเวณชั้น 3 sky Hall ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยระบุว่า
วันนี้เป็นร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน โดย รพ.พระมงกุฎเกล้าและรพ.รามาธิบดี รวมกับเอกชนในการจัดสถานที่ ซึ่งต้องทำลายความหวั่นวิตกและความกลัวในการฉีดวัคซีนให้ได้ ที่จะต้องมีความเชื่อมั่น โดยยืนยันว่า วัคซีนที่นำเข้ามาได้มีการตรวจสอบมาตรฐาน ที่อาจจะมากกว่าต่างประเทศด้วยซ้ำ และจำเป็นต้องมีวัคซีนทยอยมา ต้องดูสถิติผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นน้อยมาก รัฐบาลต้องขอบคุณเอกชน วันนี้ต้องเดินหน้าไปให้ได้การจัดหาว่าการฉีดวัคซีนและการดูแลในทุกมิติเป็นวาระแห่งชาติ ชาติไทยประเทศไทยของเราทุกคน ต้องร่วมมือกันและฟังในสิ่งที่เป็นประโยชน์ หากแพร่มาไม่เป็นความจริงดูก็รู้ และไม่ควรแพร่ต่อ เพราะรู้มันไม่จริง ด้วยเซ้นของเรา โดยขอให้ฟังช่องทางของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณะสุขให้มาก วันนี้ต้องทำงานเป็นทีมให้ได้ เพราะนี่คือทีมประเทศไทย ที่ทำเพื่อประเทศไทยที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน
นายกรัฐมนตรี ขอชวนให้คนมาฉีดวัคซีนให้มากขึ้น แม้ในเดือนนี้จะมีวัคซีนจำกัด แต่ในช่วงของเดือนหน้าจะมีวัคซีนทยอยเข้ามาเป็นจำนวนมาก และจะเริ่มมีกลุ่มต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติมอีก จึงขอให้เห็นใจในการบริหารคนที่มีจำนวนเป็นล้านๆ คนในประเทศที่ถือเป็นเรื่องยาก หาก walk in เข้ามาก็รับไม่ไหว และคนที่มาอาจต้องผิดหวัง จึงจะต้องมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนตามหน้างาน และตามจำนวนวัคซีนที่เรามีอยู่ ทั้งนี้ต้อง ชื่นชมกระทรวงสาธารณสุขในการจัดหาวัคซีน เข้ามา และจะมีวัคซีนยี่ห้ออื่นเข้ามาเพิ่มเติมอีกในช่วงปลายปี ซึ่งเรื่องนี้จะต้องร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนด้วย
วันนี้รัฐบาลได้มีการทำทุกอย่างแล้ว ทั้งการบริหารจัดเตียงให้มีการโยกย้ายสับเปลี่ยนเพื่อให้มีจำนวนเตียงว่างสำหรับผู้ป่วยโควิดร้ายแรง ที่ต้องพิจารณาตามอาการ จึงขอให้เห็นใจแพทย์ พยาบาลที่ทุ่มเทการทำงาน หลายคนไม่ได้กลับบ้าน หลายคนมีอันตราย เพราะอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยจำนวนมาก และบางคนก็ตั้งครรภ์อยู่ด้วย ก็ยังมาทำงานหน้าที่ เพราะมีจิตสำนึก
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะต้องดีขึ้นกว่าเดิม หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำเพียงแค่เรื่องโควิดเท่านั้น อยากได้มีการเตรียมการด้านโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ การลงทุน เพื่อหารายได้เข้าประเทศ ซึ่งสิ่งที่ต้องการในวันนี้คือความเป็นหนึ่งเดียว ในการเดินหน้าไปกับรัฐบาล พร้อมยืนยันด้วยใจบริสุทธิ์ของตนเอง ว่าจะทำให้ดีที่สุดในทุกๆ เรื่อง แต่จะทำคนเดียวไม่ได้ จะต้องฟังแพทย์ ภาคธุรกิจ หอการค้า อุตสาหกรรม ซึ่งวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นอีกเยอะในประเทศไทย แต่อาจจะต้องขออภัยที่มีหลายคนได้รับผลกระทบจากมาตรการของ ศบค. ที่ต้องปรับแก้ตามสถานการณ์ ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าสถานที่แพร่เชื้อมีที่ใดบ้าง โทษกันไปกันมาไม่เกิดประโยชน์ เราต้องช่วยตัวเอง ร้านค้าจะต้องทำอย่างไร และถึงเวลาก็จะปลดล็อกให้ เพราะทราบดีว่าเดือดร้อน โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางกระทรวงแรงงาน ดูมาตรการช่วยเหลือ แรงงาน ม. 33 ในส่วนของลูกจ้างแม้จะเป็นเงินไม่มากนัก แต่เป็นเงินที่รัฐบาลได้มาจากภาษีของประชาชน เพื่อจัดสรรปันส่วนมาดูแล พร้อมย้ำว่า รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอ ไม่ต้องกลัว
ทั้งนี้ ในระดับท้องถิ่น ได้ให้กระทรวงสาธารณสุข ประสานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อเชิญชวนให้ประชาชน มาฉีดวัคซีน ให้มากขึ้น เพราะหลายคน ยังกลัวเนื่องจากมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง และขอให้จำไว้ว่าใครบิดเบือน พร้อมย้ำว่า "อย่าทำผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ได้ขู่ใครทั้งสิ้น อันตราย ตนไม่ได้อยากไปทำร้ายใครซักคน"
ขอบคุณภาพ เพจ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง