เปิดชะตากรรมชาวปากพนังสู้ชีวิตจมน้ำยาวนานกว่า 30 ปี-หลั่งน้ำตาวางของขายในน้ำและไร้คนซื้อหลังโควิด-19 แพร่ระบาดซ้ำ-ชี้ใกล้ถึงจุดหมดความอดทนหลังปีนี้หนุนสูงท่วมหนักสุดในรอบ 30 ปี วิงวอนราชการฟังชาวบ้านบ้าง
เปิดชะตากรรมชาวปากพนังสู้ชีวิตจมน้ำยาวนานกว่า 30 ปี-หลั่งน้ำตาวางของขายในน้ำและไร้คนซื้อหลังโควิด-19 แพร่ระบาดซ้ำ-ชี้ใกล้ถึงจุดหมดความอดทนหลังปีนี้หนุนสูงท่วมหนักสุดในรอบ 30 ปี วิงวอนราชการฟังชาวบ้านบ้าง
(13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสภถานการณ์น้ำทะเลหนุนเอ่อล้นตลิ่งแม่น้ำปากพนัง ก่อนไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมทองปากพนัง และพื้นที่ตำบลรอบนอก ทั้ง ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก ต.คลองน้อย อย่างหนัก โดยในวันนี้น้ำเริ่มล้นตลิ่งและไกลบ่าท่วมตั้งแต่เวลา 09.30 น.โดยระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเวลา 15.00 น.ระดับท่วมในพื้นที่สูงกว่าเมื่อวานนี้ประมาณ 20-30 ซ.ม.ส่งผลให้การสัญจรไปมาบนถนนหลายสายผ่านไปมาด้วยความยากลำบาก
โดยที่ตลาด 100 ปีปากพนังแม้จะมีบรรดาพ่อค้า แม่ค้าและประชาชนที่นำสินค้าทั้งเนื้อหมู ไก่ ปลาอาหารทะเลต่าง ๆ รวมทั้งผักมาวางบนแผงลอยที่ใช้วัสดุรองให้สูงจากระดับน้ำประมาณ 20-30 ซ.ม. แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่เกิน 1 ชม.ระดับจะสูงขึ้นจนท่วมแผงวางสินค้า อย่างไรก็ตามแทบจะไร้ผู้คนเข้าไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้า สร้างความเดือดร้อนให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่มีรายได้ใด ๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ในขณะที่ผู้ประกอบการร้านค้าของชำ ของใช้ในครัวเรือนในย่านเดียวกันถูกน้ำท่วมจนต้องยกข้าวของหนีน้ำกันชุลมุน
ในขณะที่พื้นที่รอบนอกที่ได้รับผลกระทบ เช่น บ้านท้องโกงกางหมู่ 4 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก ถนนสายปากพนัวง-บ้านท้องโกงกางถูกน้ำท่วมจนรถเกือบทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ เช่นเดียวกับที่บ้านเกาะนางโดย หมู่ที่ 15 ต.คลองน้อย ก็ถูกน้ำทะเลหนุนสูงส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตของประชาชนเช่นเดียวกัน รวมไปถึงพื้นที่ ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นเดียวกัน
นายพงศธร สุวรรณฤทธิ์ หรือ “ดีเจแข้ง ลั่นทง” อายุ 46 ปี นักจัดรายการชื่อดัง กล่าวว่า ตนเกิดที่นี่ อยู่กับแม่น้ำปากพนังและอ่าวปากพนังมาตั้งแต่เกิดโตที่นี่และต้องตายที่นี่ การก่อสร้างโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังในส่วนที่เกิดผลกดีก็มีมากมาย แต่ต้องยอมรับว่าในด้านลบที่ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของประชาชนก็มีไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะที่เกิดจากการบริหารจัดการในการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ 5 ประตูโขงโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง ในจำนวนนี้มี 1 ประตูหลักคือประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์กั้นแม่น้ำปากพนัง มีหน้าที่หลักคือการปิดกั้นและป้องกันน้ำเค็มรุกเข้าไปในพื้นที่ทำการเกษตรหรือพื้นที่น้ำจืด ประตูหลักจะปิดต่อเนื่องตลอดทั้งปีประมาณ 9-10 เดือนและจะเปิดปีละ 1-2 ครั้งในช่วงหน้ามรสุมที่ฝนตกหนักเท่านั้น
ในขณะที่ประตูอีก 4 แห่ง เรียกว่า “ประตูระบายน้ำฉุกเฉิน” กั้นแม่น้ำสายย่อยหรือสายรอง ตามปกติประตูฉุกเฉิน 4 แห่งจะเปิดระบายน้ำจืดลงสู่ทะเลอ่าวไทยในช่วงมรสุมที่ประตูอุทกวิภาชประสิทธิ์ระบายไม่ทัน แต่การบริการจัดการในปัจจุบันฝนตกนดตกหน่อยก็เปิดประตูฉุกเฉินระบายน้ำลงทะเลต่อเนื่อง เมื่อมีการเผปิดระบายน้ำจืดออกทาง 4 ประตูฉุกเฉินมากกว่าออกทางประตูหลักปัญหาจึงเกิดขึ้นตรงที่ปริมาณน้ำจืดที่ระบายออกจากประตูหลักลงแม่น้ำปากพนังและออกทะเลที่อ่าวปากพนัง มีไม่มากพอและการไหลออกไม่แรงพอน้ำจืดที่จะออกไปผลักดันน้ำเค็มมีไม่เพียงพอ ตามปกติน้ำจืดจะผลักดันน้ำทะเลไปจนถึงหัวแหลมตะลุมพุกในอ่าวปากพนังจะเป็นน้ำจืด แต่ในปัจจุบันน้ำจืดที่ระบายจากประตูหลักออกมาได้แค่ปากอ่าว และนำตะกอน สิ่งปฏิกูลออกมากองทับถมที่ปากอ่าวจนอ่าวปากพนังและแม่น้ำปากพนังตื้นเขินยิ่งกระทบต่อการระบายน้ำจืดจากประตูหลัก ๆได้อย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น เมื่อไม่มีน้ำจืดเพียงพอในการผลักดันน้ำเค็มในอ่าวปากพนังแทน อ่าวปากพนังปกติเป็นน้ำจืดกลับกลายเป็นน้ำเค็ม ในช่วงน้ำทะเลหนุนหากเปิดประตูหลักนย้ำเค็มก็จะรุกเข้าไปไกลถึง 20 กม. ส่งผลกระทบต่อการทำการเกษตรในพื้นที่น้ำจืดเป็นอย่างมาก จึงต้องปิดประตูหลักจนน้ำทะเลหนุนเข้าไปไม่ได้เอ่อล้นตลิ่งไหลล่าท่วมพื้นที่ตัวเมืองปากพนังและตำบลรอบนอกหนักเพิ่มมากขึ้นทุกปี และคาดว่าในปีนี้จะมีน้ำทะเลหนุนรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี
“ปัญหาที่ประสบอยู่ในทึกวันนี้และมีแนวโน้มจะรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปีคือหากน้ำทะเลหนุนท่วมเมืองปากพนัง การแก้ปัญหาคือการเปิดประตูอุทกวิภาชประสิทธิ์ ประตูหลักของโครงการ ฯ น้ำไม่ท่วมหรือท่วมน้อยแต่น้ำทะเลจะรุกเข้าไปในโซนหรือเขตน้ำจืด ประชาชนในเขตน้ำจืดก็ไม่ยอม จึงต้องปิดประตูส่งผลให้น้ำท่วมเมืองปากพนังหนักขึ้นทุกปี ชาวเมืองปากพนังอดทนสู้ชะตากรรมแบบนี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว เสนออะไรในคณะกรรมการบริหารเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ พวกหัวหน้าส่วนราชการ นักวิชาการต่าง ๆ เขาไม่ฟังใด ๆ ทั้งสิ้น พวกเมา 2-3 ปีเขาก็ไปแต่ชาวบ้านอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนและคงตายที่นี่ อยากให้ฟังไอ้เท่ง ไอ้ทอง อย่างพวกเราบ้าง มั่นใจว่าหากเขารับฟังชาวบ้านและนำวิธีการภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการบริการจัดการแก้ไข ปัญหาจะเบาบางลงได้แน่นอน ”
ในขณะที่นายมาโนช ดวงดี นายกสมาคมประมงชายฝั่งปากพนัง กล่าวว่า น้ำขึ้นน้ำลง หรือน้ำทะเลหนุนเป็นเรื่องธรรมชาติก็จริงอยู่ แต่นับวันปัญหาจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นและปีนี้จะหนักสุดในรอบ 30 ปีน้ำทะเลจะหนุนสูงวันละ 20 ซ.ม. และจะสูงสุดราวแรม 4 ค่ำ ถึงแรม 5 ค่ำ คือช่วงวันที่ 17-18 ม.ค.นี้ ชาวปากพนังอดทนต่อสู้กับชะตากรรมนี้มานานมากแล้ว ที่น่าตกใจนอกจากระดับน้ำสูงเป็นประวัติการณ์แล้วระดับความเค็มที่ตนลงพื้นที่ตรวจวัดสูงถึงกว่า 20 ppm ใกล้กับความเค็มในทะเลลึก ซึ่งหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องหมดปัญญาที่จะแก้ปัญหาเปิดประตูน้ำเค็มรุนแรงก็รุกที่โซนน้ำจืด ปิดประตูน้ำท่วมเมืองปากพนังอย่างหนักเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และในที่สุดชาวเมืองปากพนังอาจจะหมดความอดทน ในอนาคตอันใกล้นี้ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช
ข่าวที่เกี่ยวข้อง