วิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่ม"ธรรมาภิบาล" ยื่นหนังสือร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ตรวจสอบ หยุดยั้ง ขบวนการเรียกรับหัวคิว จากโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ มหาดไทย
เวลา 10.30 น. วันที่ 28 ก.ย.2563 ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบและเอาผิด ต่อขบวนการเก็บหัวคิวงานขุดลอกแหล่งน้ำ ภายใต้โครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่76 จังหวัด โดยกระทรวงมหาดไทย หลังพบมีการตกลงให้ว่าจ้างโดยไม่ต้องแข่งขันราคาให้เสร็จสิ้นภายใน 30 กันยายน 2563 นี้ โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือเพื่อดำเนินการต่อไป
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า กลุ่มธรรมาภิบาลฯได้รับแจ้งข้อมูลจากประชาชนและผู้ประกอบการที่สุจริตซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมในพื้นที่หลายจังหวัด ว่าได้มีกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายผลประโยชน์ที่อ้างนักการเมือง และ ฝ่ายผลประโยชน์ที่อ้างชื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นำงานขุดลอกแหล่งน้ำภายใต้โครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศ กรอบวงเงินงบประมาณปี 2563 (งบกลาง) วงเงิน 11,892.8711 ล้านบาท ได้ไปดำเนินการและขายงานต่อ หรือ จัดหาผู้รับเหมาทั่วไปให้มาซื้องานโดยเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวงานละ 35-50 % ตามความยากง่ายในแต่ละโครงการ โดยได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบข้อเท็จจริง ดังนี้
1. คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน 11,892.8711 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศกระทรวงมหาดไทยให้จังหวัดเป็นหน่วยงานรับงบประมาณตามวิธีการงบประมาณและผู้รับผิดชอบโครงการ จำนวน 18,927 โครงการ วงเงินต่อโครงการไม่เกิน 500,000 บาท รวมวงเงินงบประมาณ 9,957.8355 ล้านบาท โดยทุกโครงการต้องทำสัญญาจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 นี้และจังหวัดได้มอบอำนาจให้นายอำเภอดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรายโครงการด้วยวิธีพิเศษเป็นการตกลงจ้าง เป็นวิธีการที่ทำให้สามารถจัดหาผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งมาเป็นคู่สัญญากับทางอำเภอได้โดยไม่ต้องประกวดราคา
กรณีดังกล่าว ถือเป็นการกำหนดวิธีจัดซื้อจัดจ้างที่น่าจะมีเจตนาพิเศษเพื่อต้องการเปิดช่องและหรือเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายผลประโยชน์ทางการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ที่เป็นคนของผู้ใหญ่ในรัฐบาลหรือผู้ใหญ่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปหาประโยชน์ในโครงการ โดยการนำผู้ประกอบการที่เป็นพรรคพวกของตนเองหรือผู้ประกอบการที่ต้องการทำงานได้ทำสัญญาและเรียกเก็บค่าเข้าทำสัญญางานเป็นการดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม
2.ได้มีกลุ่มผลประโยชน์ อ้างตนว่าเป็นฝ่ายการเมืองหลายกลุ่ม และ กลุ่มผลประโยชน์ที่อ้างว่าตนเป็นผู้ประสานงานของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คือ กลุ่มคุณนาย อ. (อดีตเคยเป็นผู้นำงานขุดลอกแหล่งน้ำขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกหรือ อผศ.ที่ได้สิทธิพิเศษเป็นคู่สัญญารับจ้างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยไม่ต้องประกวดราคา ภายใต้แนวทางป้องกันภัยแล้งและอุทกภัยของ คสช. วงเงินงบประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2557-2560 ไปให้ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศทำงานต่อจาก อผศ. และเรียกเก็บหัวคิวโครงการละ 30-50%)กลุ่มผลประโยชน์ดังกล่าวได้เข้าไปประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัดและนายอำเภอหลายอำเภอทั่วประเทศ โดยอ้างชื่อผู้ใหญ่ คือ “บิ๊ก ฉ.” และ “บิ๊ก ป.” เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอในพื้นที่นั้นๆ ดำเนินการเลือกเอาผู้ประกอบการในกลุ่มของตนหรือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ต้องการทำงานเป็นคู่สัญญา และ เรียกเก็บค่าเข้าสัญญาหรือค่าหัวคิวโครงการละ 35-50 %ทุกสัญญา
กรณีดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอาศัยช่องทางการจัดซื้อจัดจ้างรายโครงการโดยวิธีพิเศษ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอสามารถตกลงจ้างและจะจ้างผู้ใดผู้หนึ่งมาทำงานก็ได้ ซึ่งเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่น่าจะไม่เป็นไปตามแบบแผนปฏิบัติที่คุ้มค่าต่อเงินแผ่นดิน
3.โครงการขุดลอกหนองและลำห้วย จำนวน 18,927 โครงการทั่วประเทศครั้งนี้ อาจไม่ใช่โครงการที่ต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง เหตุเนื่องจากได้มีการขุดลอกแหล่งน้ำอยู่เป็นประจำทุกปีงบประมาณในหลายหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว กรณีนี้จึงน่าจะเป็นความต้องการของฝ่ายผลประโยชน์ทางการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์นอกระบบที่มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการผ่องถ่ายงบประมาณแผ่นดินไปเป็นของตนเองและพรรคพวกผ่านโครงการขุดลอกแหล่งน้ำและผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐซึ่งอ้างว่าชอบด้วยกฎหมายเปิดช่องให้กลุ่มผลประโยชน์หาประโยชน์โดยมิชอบจากเงินแผ่นดินโดยกฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ในลักษณะเป็นการทำธุรกิจเพื่อค้างบประมาณแผ่นดินโดยนำโครงการขุดลอกแหล่งน้ำมาเป็นข้ออ้างอิงทำให้ประโยชน์ของทางราชการและประโยชน์ประชาชนเสียหายไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า กลุ่มธรรมาภิบาลฯ จึงขอให้ท่านในฐานะผู้กำกับดูแลงบกลาง ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดต่อขบวนการที่ร่วมกันทุจริตต่อเงินแผ่นดินโดยอ้างการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษกรณี ตกลงจ้าง ครั้งนี้ ดังนี้
1.ให้ตรวจสอบกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง และ กลุ่มคุณนาย อ. ว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับ“บิ๊ก ฉ”และ “บิ๊ก ป.”ในการทำสัญญางานขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศและเรียกเก็บหัวคิวผู้ประกอบการหรือไม่อย่างไรและหากพบว่ามีการเชื่อมโยงในการกระทำผิดให้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุดต่อไป
2.ให้ตรวจสอบการทำสัญญาขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศ จำนวน 18,927 โครงการ ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และหรือ มีการนำผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องเข้าเป็นคู่สัญญาเพื่อนำงานไปขายต่อหรือไม่
3.ให้ตรวจสอบการขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศ ทั้ง 18,927 โครงการ ว่าได้ดำเนินการถูกต้องเป็นไปตามแบบTORและสัญญาหรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบโดยเร่งด่วน และหากพบว่ามีการกระทำผิดและหรือทุจริตในข้อใดข้อหนึ่ง ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกเลิกโครงการและจัดให้มีการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ทั้งหมดเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ที่สุจริตทั่วประเทศ ให้มีสิทธิเข้าถึงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมโดยไม่มีผู้ใดมาเรียกเก็บหัวคิว และทำงานให้คุ้มค่าต่อเงินแผ่นดิน โดยให้ท่านยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษแบบตกลงจ้างครั้งนี้ เป็นการตัดวงจรขบวนการเรียกเก็บหัวคิวขบวนการใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมาในประเทศไทย เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง