ข่าว

"เมียนมา" กักตัวผู้ใกล้ชิดเด็กชายติดโควิด-19

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมียนมา สั่งกักตัวด.ช.วัย 2 ขวบ ที่ติดโควิด-19 จำนวน 48 คน หลังมีการ ระบุเดินจากไทย วันที่ 4 ก.ย. ขณะแรงงานต่างด้าวยังพยายามเข้าไทยถูกจับอีกนับสิบคน ด้านกรมควบคุมโรค ยันไม่พบรายงานการผ่านเข้าออกด่านของเด็กคนดังกล่าว

16 ก.ย.63    มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมียนมา ประจำจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้สั่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามค้นหาชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ ที่สัมผัสเด็กชายชาวเมียนมา อายุ 2 ขวบ ที่ป่วยด้วยโรคไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 63 ที่ผ่านมา  โดยการตรวจค้นหาตามบ้าน เช่น บ้านที่ครอบครัวเด็กนำสัมภาระไปฝากไว้ และคนรู้จัก รวมทั้งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขชาวเมียนมา จำนวน 48 คน โดยนำไปกักบริเวณเพื่อรอการตรวจเชื้อ หลังจากที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมียนมาได้สอบปากคำแม่เด็ก และพี่สาวเด็ก 

                                            "เมียนมา" กักตัวผู้ใกล้ชิดเด็กชายติดโควิด-19

ทั้งนี้ครอบครัวเด็กดังกล่าวไปจากประเทศไทยผ่านด่านพรมแดนไทย-เมียนมา (2) สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 63 และทั้ง 3 คนถูกกักกันเป็นเวลา 14 วันตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุขเมียนมา ต่อมาเด็กเกิดอาการป่วยตัวร้อนสูง เมื่อวันที่ 10 กันยายน 63 เจ้าหน้าที่จึงนำน้ำลายไปตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 วันที่ 13 กันยายน 63 ส่วนเด็กถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลผาอ่าง รัฐกะเหรี่ยงโดยให้มารดาถูกส่งไปที่โรงพยาบาลผาอ่างเพื่อให้แพทย์ดูแลเฝ้าระวังด้วย ส่วนพี่สาวให้อยู่ที่โรงพยาบาลเมียวดี ตรงข้ามอ.แม่สอด

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเมียนมาแจ้งยอดผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 16 กันยายน 63 ว่า มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด จำนวน 3,636 คน เสียชีวิต 39 คน และพบผู้ป่วยเพิ่มจำนวน 337 คน

นอกจากนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า  ด้านชายแดนไทย - เมียนมา อ.แม่สอด จับหวัดตาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก และตำรวจตะเวณชายแดน กองร้อยตชด.ที่ 346 อ.แม่สอด ยังคงออกตรวจตราตามแนวชายแดนทั้งวัน ทั้งคืน และล่าสุดจับแรงงานเมียนมาได้ 10 คน ที่ยังพยายามลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย

                                           "เมียนมา" กักตัวผู้ใกล้ชิดเด็กชายติดโควิด-19

ขณะที่ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่าได้รับรายงานว่าเด็กอายุ 2 ขวบชาวเมียนมาได้เดินทางออกจากประเทศไทยพร้อมมารดาในวันที่ 4 กันยายน 2563 และต่อมามีการรายงานข่าวการตรวจพบการติดเชื้อของเด็กคนดังกล่าวในวันที่ 13 กันยายน 2563 จนเป็นเหตุให้นายอำเภอเมียวดีประกาศเคอร์ฟิวในเวลาต่อมา 14 กันยายน 2563 นั้น  กรมควบคุมโรค ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทั้งจากช่องทางการประสานข้อมูลผ่านกลไกกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulation) ช่องทางการทูต ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) และข้อมูลจากช่องทางเข้าออกระหว่างพรมแดนระหว่างประเทศ  

โดยในเบื้องต้น จากการตรวจสอบผู้เดินทางผ่านช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศอำเภอแม่สอด-เมียวดี ไม่พบว่ามีรายงานการผ่านเข้าออกประเทศไทยของเด็กชาวเมียนมา และมารดาดังกล่าวในวันที่ 4 กันยายน 2563 ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการเดินทางออกไปโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ หรือช่องทางอื่นที่ไม่สามารถตรวจสอบ  ซึ่งมีอยู่มากกว่า 50 ช่องทาง และยากต่อการควบคุมการเข้าออก

ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พระราชทาน ออกค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน 2563 รวม 2 วันตรวจทั้งคนไทยและต่างด้าว จำนวน 2,635 ราย จำแนกเป็น รร.อิสลามศึกษา 1,041 คน เป็นต่างด้าว(มุสลิม) 660 คน คนไทย 381 คน, รร.วังตะเคียน 713 คน เป็นชาวเมียนมา 284 คน คนไทย  429 คน, อบต.แม่กาษา 558 คน เป็นชาวเมียนมา 47 คน คนไทย 511 คน และเรือนจำแม่สอด  323 คน เป็นต่างชาติ 137 คน คนไทย 186 คน ผลไม่พบการติดเชื้อแม้แต่รายเดียว

กรมควบคุมโรค ขอยืนยันว่าประเทศไทยมีมาตรการเฝ้าระวัง ทั้งการคัดกรองผู้ที่มีอาการทางเดินหายใจ เฝ้าระวังในกลุ่มประชากรเสี่ยง รวมถึงมีการสอบสวนติดตามผู้สัมผัสให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังต้องทำการค้นหาข้อมูล โดยการประสานงานทั้งในและระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อมูลแหล่งที่อยู่อาศัยของเด็กและครอบครัว เพื่อค้นหาผู้สัมผัส ทำการตรวจหาผู้ติดเชื้อ และดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่เหมาะสมต่อไป  นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ของประเทศเมียนมาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง  
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่ออีกว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19      ที่เข้มงวดของประเทศไทย รวมถึงการป้องกันและจำกัดการแพร่ระบาดของโรค แม้จะมีการระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้าน หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ