หลอกหมั้นหอบสินสอดหนี ฝ่ายหญิงปฏิเสธเปล่าหนี เตรียมฟ้องกลับ

วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ที่ สถานีตำรวจภูธรกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อยตำรวจเอก เอกภูมิ พลศักดิ์ ร้อยเวรสอบสวนเจ้าของคดี กรณีที่ นายธีรพงษ์ แต้วทอง อายุ 38 ปี หนุ่มสุรินทร์ อยู่บ้านเลขที่ 11/4 หมู่ที่ 7 ตำบลตรึม อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดศรีสะเกษ ได้มาแจ้งความว่าตนเองถูกสาวศรีสะเกษ หลอกเอาเงินสินสอดทองหมั้น หมายจะแต่งงาน โดยอ้างว่าฝ่ายสาวหอบเงินหนีไปอยู่กับสามีเก่าที่กรุงเทพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายเรียกฝ่ายหญิง ซึ่งก็คือ นางสาวภัคฐิชา ทองทวี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 บ้านกอก หมู่ที่ 3 ตำบลหนองแก้ว อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ มาเจรจากันในบ่ายวันนี้ ผลปรากฎว่าทั้งสองฝ่ายได้เดินทางมาตามที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมที่จะเจรจากันเอง

 โดยฝ่ายหญิงแจ้งว่า ตามที่ฝ่ายชายแจ้งความไว้นั้นไม่เป็นความจริง แท้จริงตนก็รักฝ่ายชายอยู่ หลังจากหมั้นหมายกันแล้ว ก็ได้ไปมาหาสู่กันอยู่เป็นปกติราว 3 เดือน ตนก็เคยไปค้างบ้านฝ่ายชาย ฝ่ายชายก็เคยมาบ้านฝ่ายหญิง แต่ฝ่ายชายยื่นคำขาดว่า หากแต่งงานกันแล้ว ขอให้ฝ่ายหญิงไปอยู่อาศัยที่บ้านฝ่ายชาย ซึ่งฝ่ายหญิงก็ไม่พอใจ เพราะฝ่ายหญิงมีน้อง ๆ ตายาย และร้านขายของที่จะต้องดู ขอให้ฝ่ายชาย มาอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิง เมื่อตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายหญิงก็เลยประชดไปว่า ได้หนีไปอยู่กับสามีเก่าที่กรุงเทพ แล้ว และไม่ยอมติดต่อกับฝ่ายชายอีก จนฝ่ายชายมาแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งฝ่ายชายยืนยันว่าได้เสียเงินมากร่วม 3 แสนบาทเช่นกัน ซึ่งฝ่ายหญิงวันนี้ไม่ยอมตกลง และจะรวบรวมหลักฐานมาแจ้งความ เพื่อยื่นฟ้องกลับฝ่ายชายทุกกรณีที่ฝ่ายชายทำตนเสียหาย โดยนัดจะมาแจ้งความใหม่อีกรอบ ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 เอาให้ถึงที่สุดกับค่าเสียหายแก่ตนเพราะเป็นหญิง ย่อมเสียหายกว่าแน่นอน

ด้านฝ่ายหญิง  นางสาวภัคฐิชา ทองทวี กล่าวว่า ยืนยันที่จะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ที่ทำให้ตนเสียหาย และตนเองไม่ได้หนีไปอยู่กรุงเทพกับสามีเก่าแต่อย่างไร ที่พิมพ์ไปเช่นนั้นเพื่อตัดความรำคาญกับฝ่ายชาย และทำไปเพื่อประชดฝ่ายชาย เพราะฝ่ายชายยื่นคำขาดว่า หากแต่งงานกันแล้ว ขอให้ฝ่ายหญิงไปอยู่อาศัยที่บ้านฝ่ายชาย ซึ่งฝ่ายหญิงก็ไม่พอใจ เพราะฝ่ายหญิงมีน้อง ๆ ตายาย และร้านขายของที่จะต้องดู  จึงมีปัญหาทะเลาะกัน ฝ่ายชายตื้อไม่เลิก ง้อไม่สำเร็จ ฝ่ายชายก็พยายามโทรหาคนใกล้ชิดตน และยังเข้าเฟสบุคของตนไปโพสต์รูป โพสต์ข้อความต่าง ๆ นานา ทำให้ตนเกิดความไม่พอใจ จึงทำให้เหตุที่ทำให้ไม่สามรถคืนดีกันได้

ด้านฝ่ายชาย นายธีรพงษ์ แต้วทอง กล่าวว่า ตนก็ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และให้รอดูหลักฐาน ตนยืนยันไม่ได้โกหก ตนพูดความจริง ตนเองก็ไม่อยากจะพูดอะไร ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป

ภาพ/ข่าว นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ / ศรีสะเกษ