ลุ้นเปิดห้าง 17 พ.ค.นี้ แจงหลักการคุมเข้ม

        นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ หอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะคณะทำงานภาคเอกชนที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เปิดเผยว่า หลังจากมีการประกาศผ่อนปรน 6 กิจกรรม เฟสแรก ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา อาทิ ร้านอาหาร ตลาด ร้านตัดผม กิจการค้าปลีก กีฬาสันทนาการ โดยให้ประเมินผลทุก 14 วัน

อ่านข่าว-"ปทุมธานี" ขยายเวลาปิด 26 จุดเสี่ยง "โควิด" ระบาดถึง 31 พ.ค.

         ล่าสุด ภาคเอกชนได้ประชุมหารือกันต่อเนื่อง เพื่อทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการกลับมาเปิดธุรกิจที่จะมีขึ้นอีก เน้นวิธีการทำงาน ทั้งเรื่องการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาด ของไวรัสโควิด-19 ทั้งของผู้เข้ามาใช้บริการและพนักงาน รวมถึงสถานที่และอุปกรณ์เครื่องดื่ม เช่น การจัดพื้นที่เว้นระยะห่าง ภายในอาคารเน้นอากาศถ่ายเท ควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้บริการในเวลาเดียวกัน อุปกรณ์ต้องมีการเปลี่ยนตลอด มีระบบการตรวจวัด

        “หากเป็นไปได้รวมถึงแอพพลิเคชั่นป้องกันต่างๆ เป็นต้น ทางกลุ่มธุรกิจยืนยันได้เตรียมความพร้อมแล้ว และเชื่อว่ารัฐจะปลดล็อกล็อต 2 ในเดือนพฤษภาคมนี้ ถ้าสถานการณ์โควิดไม่ได้รุนแรงเพิ่ม หากสถานการณ์ล็อตแรกที่เปิดวันที่ 3 พฤษภาคม มีผลประเมินน่าพอใจ ก็มีความเป็นไปได้ที่ธุรกิจอีกจำนวนหนึ่งน่าจะได้รับความเห็นชอบกลับมาเปิดประมาณวันที่ 17 พฤษภาคม หรือครบ 14 วันพอดี”

          นายกลินท์ กล่าวว่า ในล็อตนี้จะเป็นกลุ่มค้าปลีก ทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และร้านค้าภายในศูนย์การค้า แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศูนย์บริหารโควิด (ศบค.) ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีการปลดล็อกธุรกิจได้หลากประเภทมากขึ้น

          ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) วันที่ 7 พฤษภาคม ทั้ง 3 คณะกรรมการจาก 5 ชุดที่เป็นที่ปรึกษาในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ประกอบด้วย คณะกรรมการการกลับมาเปิดธุรกิจที่ตนเป็นประธาน

         คณะกรรมการด้านดูแลธุรกิจเอสเอ็มอีไทย มีนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นประธาน และคณะกรรมการดูแลมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) มีนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธาน จะรายงานความคืบหน้าว่าทำอะไรบ้างแล้ว และได้เสนออะไรต่อรัฐบาลบ้างแล้ว

        ทั้งนี้ ในการปลดล็อคล็อต 2 จะมีการปรับแผนไม่ให้ซ้ำรอยปลดล็อกรอบแรก 3 พ.ค. ที่มีการเบียดเสียดซื้อเหล้า เป็นความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด