'ธานินทน์' เดินหน้านำคนไทยที่ตกค้างอินโดฯ-อินเดีย กว่า 300 ชีวิตกลับไทย

            อดีต ส.ส.สตูล ผู้ประสานนำคนไทย หลบหนีการแพร่ระบาด โควิด-19 จากอินโดนีเซียกลับถึงเมืองไทย ระบุเสียชีวิตมีกลุ่มดะวะห์ติดเชื้อไวรัส-19 พร้อมเดินหน้า จะนำคนไทยทั้ง พุทธ-มุสลิม ที่ตกค้างในอินโดฯ-อินเดีย กว่า 300 ชีวิต กลับบ้านเกิด
            วันที่ 8 เม.ย.63  หลังนายธานินทร์ ใจสมุทร อดีต สส.สตูล ผู้ประสานนำคนไทยจำนวนหนึ่งจากอินโดนีเซีย เดินทางกลับประเทศไทย แต่ยังมีคนไทยติดค้างในต่างประเทศอีกหลายร้อย เรียกร้องให้ช่วยเหลือนำกลับไทยด่วน
          นายธานินทร์ โพสต์ข้อความระบุว่า กระผมนายธานินทร์ ใจสมุทร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูล ผู้ประสานงานนำคนไทยที่ติดค้างในต่างประเทศเนื่องจากโรคระบาด Covid – 19 กลับสู่ประเทศไทย

อ่านข่าว เตรียมรับมือคนไทยในมาเลเซีย คาด 1,000 ชีวิตแห่กลับ หลังเปิดด่านฯ

         " เป็นที่ทราบกันดีว่าขณะนี้หลายภาคส่วนได้ช่วยกัน นำคนไทยที่ติดค้างในต่างแดนจากประเทศอินโดนีเซียกลับสู่ประเทศไทยและกำลังอยู่ในกระบวนการคัดกรองอย่างเข้มงวดตามระเบียบที่กำหนดโดยพบคนมีผลการตรวจที่เป็นบวก ดังนั้น ตนในฐานะผู้ประสานงานนำคนไทยกลับประเทศไทย  ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และก่อให้เกิดความกังวลต่อทุกฝ่าย"
        นายธานินทร์ กล่าวถึง เหตุผลจำเป็นที่ต้องนำคนไทยจากอินโดนีเซียกลับประเทศไทย เพราะเห็นว่า ระบบสาธารณสุขของไทย โดยเฉพาะบุคคลากรด้านสาธารณสุขมีความสามารถในระดับมาตรฐานสากล  และที่สำคัญการแพร่ระบาดโควิด-19 ในอินโดนีเซียมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการนำตัวคนไทยกลับจึงถือว่าเป็นการสร้างความอุ่นใจให้กับครอบครัวคนไทยได้ระดับหนึ่ง  

        พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน มีความรักมีความหวงแหนและเฝ้าติดตามข่าวกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งขณะนี้มีพี่น้องของเราที่ติดอยู่ในต่างแดนอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับรายงานผ่านกระผม จากอินโดนีเซียกว่า 100 คน และอินเดีย กว่า 200 คน บางส่วนเป็นนักศึกษา บางส่วนไปในกิจกรรมต่างๆกัน ซึ่งมีทั้งพี่น้องชาวพุทธและมุสลิม ขณะนี้พวกเขาได้ฝากความหวังไว้กับเราในการที่จะนำพวกเขาเหล่านั้นกลับสู่ประเทศไทย  จึงขอเรียกร้องให้พี่น้องทั้งหลายได้ช่วยกันผลักดันและสนับสนุนให้ภารกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งพวกเขาได้ฝากความหวังไว้กับพวกเราทุกคน กระผมจึงขออภัยมายังท่านทั้งหลายอีกครั้ง และขอให้เชื่อมั่นต่อระบบสาธารณสุขและการแพทย์ของไทยที่จะควบคุมการแพร่ระบาดและสามารถดูแลพวกเขาเหล่านั้นได้