มาถึงจุดเวชภัณฑ์ขาดแคลน 'ชุดกันฝน' ใช้ป้องกันเชื้อได้

          กระทรวงสาธารณสุข -2 เม.ย.63 นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า สถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบัน ยอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลกทะลุไปไกลมาก แบ่งเป็น2กลุ่มหลัก คือ กลุ่มยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนี้มีผู้ป่วยอันดับต้นๆของโลกไปแล้ว กับอีกส่วน กลุ่มคนเอเชีย ที่ตอนนี้ อยู่ในระดับผู้ป่วยหลักพัน โดยเมื่อวิเคราะห์สภาพตอนนี้ ระหว่าง กลุ่มยุโรป อเมริกา มีความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย เนื่องจาก ชาวต่างชาติพฤติกรรมไม่ค่อยเชื่อเรื่องการใส่หน้ากากอนามัยจะใส่ก็ต่อเมื่อป่วย

     แต่พฤติกรรมของคนไทย มีการใส่หน้ากากอนามัยฯ เกือบ 90% และมีการตั้งเจลแอลกอฮอล์ตามสถานที่ต่างๆ ร่วมกับการณรงค์ให้ล้างมือบ่อยๆ ซึ่ง 2 จุดสำคัญนี้ แม้เราจะมีระดับผู้ป่วยขยับไปเรื่อยๆ ไม่ได้พุ่งสูงแบบก้าวกระโดด และอยากย้ำให้ประชาชนเข้มข้นในมาตรการป้องกันตัวเอง เช่น การใส่หน้ากากอนามัยฯ การล้างมือ เช่น เมื่อเข้าบ้านต้องล้างมือและอาบน้ำ หรือถ้าวันไหนเราออกไปเจอคนเยอะๆ ไปหลายสถานที่ เมื่อกลับบ้านให้รีบอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที

     นพ.ทวี กล่าวอีกว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราได้ข้อมูลการเจ็บป่วยของผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยด้วยโรคนี้ เมื่อมีอาการวันแรก ร้อยละ31 จะไม่มีไข้และไม่มีอาการอะไรเลย แต่เมื่อเชื้อเริ่มลงปอด จึงจะเริ่มมีไข้ ไอ ซึ่งจุดนี้เองทำให้สามารถตรวจได้จากการอาการไข้ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ที่เราพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ทำให้เราเดินมาถึงจุดที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เหมือนกับหลายประเทศ มีการใช้ซ้ำแน่นอน ตอนนี้ทาง รพ.รามาธิบดี มีการศึกษาวิจัย การใช้ซ้ำของอุปกรณ์ป้องกัน ในการ ฉายแสง UV ฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 เพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลทดสอบ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน
       “ภาพที่มีการเผยแพร่ว่า บุคลากรทางการแพทย์ ใส่ชุดกันฝนในการดูแลผู้ป่วย เบื้องต้นป้องกันได้แต่ไม่ทั้งหมด ย้อนไป เมื่อ13ปีแล้ว ตอนเกิด ไข้หวัดนก มีการใช้เสื้อกันฝนเหมือนกัน เพียงแต่ต้องรวบชุดให้เรียบร้อยรัดกุม แต่ตามหลักมาตรฐานในการป้องกันเชื้อโรคถือว่าต่ำมาก โดยชุดป้องกันเชื้อโรค ยังคงต้องเป็นชุด PPE”นพ.ทวี กล่าว