ข่าว

"กทม.-เมืองนนท์"แนวโน้มติดเชื้อโควิดลดลง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ดับแล้ว 15 ราย เหยื่อล่าสุดคนขับรถสาธารณะสุวรรณภูมิ ป่วยใหม่ 104 สะสม 1,875 ราย ด้านเลขาฯ ศบค.กักตัว 14 วันหลังจนท.ทำเนียบติดเชื้ออีก 2 ราย ลาม ป.ป.ช.กักตัวผู้บริหาร-เจ้าหน้าที่ 300 คน

สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 ยังมีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกวันววว

อ่านข่าว ด่วน ไทยติดเชื้อเพิ่ม 103 ราย ยอดสะสม 1,978 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย

 

 

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า สถานการณ์ในไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 104 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,875 ราย เสียชีวิตสะสม 15 ราย รักษาหายแล้ว 505 ราย สำหรับผู้เสียชีวิต รายแรกเป็นชาย อายุ 57 ปี กลับจากปากีสถานและเสียชีวิตบนรถไฟ มีโรคเบาหวาน ความดันสูง

 

รายที่สองชายไทย อายุ 77 ปี ที่ จ.ปัตตานี มีถุงลมโป่งพอง เบาหวาน ไปสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้านี้ และรายที่สามเป็นชายไทย อายุ 55 ปี อาชีพขับรถสาธารณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางไปสุรินทร์และกลับกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม จากนั้นเริ่มป่วยและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เสียชีวิต 1 เมษายน

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเกี่ยวข้องสถานที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 60 ราย สนามมวย 1 ราย สถานบันเทิง 10 ราย พิธีทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเซีย 8 ราย สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย 41 ราย 2.ผู้ป่วยที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 36 ราย มีคนไทยกลับจากต่างประเทศ 11 ราย ต่างชาติมาจากต่างประเทศ 3 ราย อาชีพเสี่ยงทำงานในที่แออัดสัมผัสชาวต่างชาติ 8 ราย และมีบุคลากรการแพทย์ 2 ราย และ 3.อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 8 ราย 

สำหรับข้อมูลถึงวันนี้ ผู้ป่วยสะสม 1,875 ราย ใน 62 จังหวัด โดย 10 อันดับมากสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 895 ราย นนทบุรี 110 ราย ภูเก็ต 88 ราย สมุทรปราการ 82 ราย ชลบุรี 50 ราย ยะลา 43 ราย ปัตตานี 38 ราย เชียงใหม่ 32 ราย สงขลา 29 ราย ปทุมธานี 23 ราย ส่วนผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 104 ราย พบในกรุงเทพฯ 30 ราย ภูเก็ต 11 ราย สมุทรปราการ 9 ราย ยะลา 8 ราย เป็นต้น

“สำหรับผู้ติดเชื้อใน กทม.และนนทบุรี มีแนวโน้มลดลง ส่วนต่างจังหวัดมีตัวเลขเพิ่มขึ้น อัตราการเพิ่มขึ้นนี้ต้องหาสาเหตุต่อไป โดยนายกฯ มีความห่วงใยว่าเมื่อไรตัวเลขผู้ติดเชื้อจะคงที่หรือลดลงกว่าเดิม แม้ใน กทม.และนนทบุรีจะดีกว่าเมื่อก่อน แต่ยังดีไม่พอ ยังเป็นระดับร้อยอยู่ นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคได้ทำการสำรวจประชาชน 77 จังหวัด จำนวน 1.4 แสนคน ผ่านระบบออนไลน์ เรื่องมาตรการป้องกันตัวเอง พบว่า ใส่หน้ากากอนามัย 94.03% ล้างมือบ่อย 90.47% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เราต้องการ แต่ข้อที่น่ากังวลคือ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร มีเพียง 64.81% เท่านั้น เราเป็นห่วงและอยากให้ช่วยตรงนี้ให้มากขึ้น” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า มีข่าวดีสำหรับประเทศไทย คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้แทนบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ได้มอบชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้รัฐบาลจำนวน 2 หมื่นชุดแรก และจะทยอยส่งมอบให้รัฐบาลจนครบ 1 แสนชุดภายในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะกระจายให้ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะเมื่อก่อนเราต้องสั่งซื้อชุดละ 4,500 บาท แต่ตอนนี้เราผลิตได้เอง ทำให้เหลือราคาชุดละ 1,500 บาท เป็นการประหยัดงบประมาณได้มาก

ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ ศบค.จำนวน 2 คนติดเชื้อโควิด-19 เป็นรอบที่สอง หลังจากเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เข้าประชุมทำเนียบติดเชื้อไปนั้นจนกระทั่งต้องมีการย้ายห้องประชุมไปบนตึกไทยคู่ฟ้า ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังคงเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลตามปกติและร่วมประชุม ศบค.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือสถานการณ์ก่อนวันที่ 3 เมษายน จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษ

มีรายงานว่า ในการประชุมศบค.วันนี้ นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการ ศบค. ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เพราะต้องกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสังเกตอาการกรณีเจ้าหน้าที่ 2 คนติดเชื้อไวรัส ขณะที่ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลายาวไปก่อนหน้านี้จนถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นการกักตัวเองเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ยืนยันว่าได้มีการติดต่อพูดคุยกับ นายดิสทัต โดยได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวว่าได้ตรวจแล้ว 3 ครั้งไม่พบเชื้อ และยังระบุด้วยว่าจะกลับเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลในเร็วๆ นี้ ส่วนนายกรัฐมนตรี และทีมงาน ได้มีการตรวจร่างกายตามมาตรการกำหนดและตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้สุขภาพของนายกฯ แข็งแรงดี

 

มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้มีคำสั่งปิดสถานที่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายนนี้ จำนวน 37 แห่ง ทางสำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี ได้ปรับมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้เข้มขึ้น โดยนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดเรื่องมาตรการป้องกันแจ้งถึงผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหาร ป.ป.ช. โดยระบุว่า ปรากฏว่ามีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานมีที่พักและได้พักอาศัยอยู่ในอาคารเดียวกันกับบุคคลผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงมีมาตรการ 2 ข้อ 1.กรณีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ที่พักในอาคารที่มีผู้ป่วยติดเชื้อให้หยุดพักกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน และ 2.กรณีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานใกล้ชิดกับข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ที่จะต้องหยุดพักกักตัวให้ผู้นั้นหยุดพักกักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 5 วันด้วย อย่างไรก็ตาม สำนักงานป.ป.ช.ภาค และสำนักงานป.ป.ช.จังหวัด ขอให้นำมาตรการป้องกันและควบคุมดังกล่าวไปปรับใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ด้วย

จากการตรวจสอบพบว่า ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ผู้ต้องหยุดพักกักตัวมีจำนวน 17 ราย แต่ผู้ที่ต้องหยุดพักกักตัวเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 5 วันนั้น ไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ แต่คาดว่ามีจำนวนมากถึง 200–300 คน และพบว่าในกลุ่มนี้มีผู้บริหารระดับสูงต้องถูกกักตัวด้วย

ทั้งนี้ผลดังกล่าวกระทบกับการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาคดีต่างๆ ที่มีขึ้น 3 วันต่อสัปดาห์นั้น เปลี่ยนรูปแบบเป็นให้จัดประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์และแยกห้องประชุมระหว่างคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 7 คนกับเจ้าหน้าที่ที่จะต้องเข้ารายงานคดี โดยจัดให้อยู่ห้องประชุมคนละชั้นกันด้วย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี” โพสต์ข้อความระบุว่า "#ประกาศ ผู้โดยสารสายการบินไทย ในช่วงเวลาต่อไปนี้ #ถือว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 โดยผู้โดยสารมีอาการป่วยตั้งแต่บนเครื่องและผลตรวจยืนยันติดเชื้อ 3 ราย เป็นผู้โดยสารจากเที่ยวบิน ลอนดอน-สุวรรณภูมิ ทีจี 917 โดยเดินทางจากลอนดอน เมื่อวันที่ 27 มีนาคม มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา

วันเดียวกัน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. กล่าวถึงกรณีชาย อายุ 57 ปี กลับจากปากีสถานติดเชื้อและเสียชีวิตบนรถไฟที่สถานีทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า ตม.เเละตำรวจนครบาลได้ไล่ข้อมูลไทม์ไลน์โดยมีข้อมูลคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้สัมผัสผู้เสียชีวิต ให้กักตัวเองไว้เพื่อลดการเเพร่ระบาด ซึ่งตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ ตม.ที่จะต้องกักตัวเอง 6 คน

ด้าน พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้ ได้เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยสายการบิน ทีจี 350 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา เวลา 05.50 น. พร้อมกับผู้โดยสาร 279 คนจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นคนไทยทั้งหมด มีทั้งนักศึกษาและคนไทยที่แจ้งความประสงค์ขอกลับบ้าน

ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า เป็นกรณีหนึ่งของการเดินทางจากต่างประเทศที่มีรายงานการระบาดของโรค ถ้าให้ข้อมูลความเป็นจริงการเจ็บป่วยได้จะทำให้ได้รับการตรวจคัดกรองวินิจฉัยเร็วขึ้น แต่รายที่เสียชีวิตบนรถไฟนี้วัดอุณหภูมิที่สนามบินได้ 35.1 องศาเซลเซียส คือไม่มีไข้เวลานั้น ส่วนประวัติเจ็บป่วย พบว่าเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน ไม่ได้เสียจากโรคทางเดินหายใจ จึงไม่ใช่การตายจากโควิด-19 แบบเฉียบพลัน เพราะไม่มีไข้ ไอไม่มาก ยังเดินด้วยตัวเองไปซื้อตั๋วรถไฟ แต่ระหว่างเดินทางไปถึงทับสะแกมีคนพบว่าเสียชีวิตแล้ว ซึ่งไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยหอบตลอดทาง 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ