ข่าว

(ละเอียด) ติดเชื้อเพิ่ม 120 ราย ดับอีก 2 กลับจาก "มาเลย์-อังกฤษ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ศบค." เผย ติดเชื้อ "โควิด-19" เพิ่ม 120 ราย ดับอีก2 กลับจากมาเลย์-อังกฤษ หวั่น ใน "กทม." แพร่ได้ 1ต่อ3 คน ชี้ บ้านไหนมีสมาชิกมากกว่า 1 ถือว่าเสี่ยง คาด นร.เอเอฟเอส กลับหมดในเดือนนี้ ตร. เตือน มั่วสุม กักตุนหน้ากากฯ ผิดรุนแรง

 

 

          เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2563 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า วันนี้ไม่ได้มีการประชุม ศบค. แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้อัพเดตสถานการณ์ตลอดเวลา และนายกฯได้ขอบคุณประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐประยุกต์การทำงาน โดยใช้นวัตกรรมแบบบ้านๆ เพื่อให้มีระยะห่างต่อกัน เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง

ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำไม่เคอร์ฟิว ขอร้านค้าปิดเที่ยงคืน-ตี5

"อนุทิน" โยนกรรมการสอบอนุมัตินำเข้าชุดตรวจโควิด

ฝืนไม่ไหว "แอร์เอเชีย" ขอหยุดบิน ปิดเทอม 1 เดือน

 

 

          ส่วนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก มียอดสะสม 856,910 เสียชีวิต 42,107 ราย โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยมากที่สุด สำหรับประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 120 ราย ยอดสะสม 1,771 ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 12 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายที่ 11 เป็นเพศชายอายุ 79 ปี อาศัยอยู่ในสามจังหวัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโรคประจำตัว เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง มีประวัติเดินทางไปร่วมงานแต่งงานที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 7 มี.ค. มีอาการป่วยวันที่ 20 มี.ค. เข้ารักษาวันที่ 23 มี.ค. อาการไม่ดีขึ้นและมารักษาอีกครั้งในวันที่ 28 มี.ค. และเสียชีวิตวันที่ 31 มี.ค. ส่วนรายที่ 12 เป็นชายอายุ 58 ปี อาชีพนักธุรกิจ กลับมาจากประเทศอังกฤษ กลับไทยวันที่ 15 มี.ค. เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน และเสียชีวิตวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะประสานกับโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวเพื่อขอข้อมูลและหาสาเหตุต่อไป

 

          นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยใหม่ 120 รายนั้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก 51 ราย มาจากสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน กลุ่มที่สอง 39 ราย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยยืนยัน และกลุ่มที่สาม 30 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ จะเห็นว่าปริมาณยังพุ่งขึ้น แม้จะดีกว่าเมื่อวันที่ 30-31 มี.ค. แต่ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะตัวเลขยังเป็นระดับร้อยกว่า ทั้งนี้ ผู้ป่วยใหม่วันนี้อยู่ใน กทม.43 ราย สมุทรปราการ 23 ราย ภูเก็ต 11 ราย และผู้ป่วยสะสมอยู่ใน กทม.850 ราย นนทบุรี 104 ราย ถือว่ายังกระจุกตัวอยู่ จากการประเมินผู้ป่วยใน กทม.จะแพร่เชื้อไปยังแวดล้อมได้ 1 ต่อ 3 คน ซึ่งน่ากังวลมากๆ ถ้าไม่อยากให้ตัวเลขทวีคูณทุกคนต้องช่วยกัน

 

          นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขที่น่ากังวลคือ แม้ประชาชนจะหยุดเชื้อ เพื่อชาติ ด้วยการอยู่บ้าน แต่ตัวเลขจำนวนการติดเชื้อในบ้านไม่ลดลง จึงต้องเพิ่มมาตรการต่อตัวเอง บ้านไหนมีสมาชิกมากกว่า 1 คนถือว่าเสี่ยง จึงต้องยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างต่อบุคคลในบ้าน 2 เมตร ซึ่งต้องทำทุกวัน อย่างไรก็ตาม 1 เดือนที่ผ่านมา เรามีการแพร่ระบาดไปยังจังหวัดต่างๆ อยู่ในภาวะวิกฤติจนต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้ประกาศใช้มาได้ยังไม่ถึงสัปดาห์ ตัวเลขยังไม่สะท้อนมาตรการดังกล่าว สิ่งที่จะสะท้อนคือตัวเลขในปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า เชื่อว่ามันน่าจะลดลง แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น จึงต้องเข้มข้นยิ่งกว่านี้ เป้าหมายความร่วมมือจากประชาชนต้องมากกว่า 90%

 

          เมื่อถามว่า กระแสข่าวต่างๆ ที่ออกมา เหมือนประชาชนรู้สึกตัวเลขของ สธ.อาจจะน้อยกว่าความเป็นจริง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แบ่งเป็น 2 กรณี คือ ตัวเลขที่เรารายงานยืนยันว่าเป็นตัวเลขที่แท้จริง เกิดขึ้นจริง โดยยอมรับว่าช่วงแรกๆ เครื่องมือไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญ ต้องใช้ถึงสองแล็ปยืนยันผลตรวจ แต่ขณะนี้มีความเชี่ยวชาญพอสมควร กทม. ปริมณฑล รวมถึงบางจังหวัด ตรวจได้วันละหมื่นราย ส่วนใหญ่ที่มาตรวจคือ คนปกติที่ตื่นตระหนก ผลตรวจเป็นลบ เจอผู้ป่วยยืนยันจริงแค่ 400 กว่าคน ตรงนี้สะท้อนจากผลสำรวจที่บอกว่าประชาชนมีความเครียดมากขึ้น จึงกังวลใจแล้วมาตรวจ แต่ทรัพยากรเรามีจำกัด ถ้าแข็งแรงดีขอไม่ต้องมาตรวจ แต่หากใครมีอาการไอ ทางเดินหายใจส่วนหน้าติดขัด รวมถึงมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยขอให้มาตรวจ อย่างไรก็ตาม พบว่าประชาชนติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโควิด-19 มากขึ้น บางรายรับฟังข่าวสารวันละ 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ประชาชนระมัดระวังมากขึ้น

 

          นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวว่า กรณีการเดินทางกลับของนักเรียนในโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนนานาชาติ (เอเอฟเอส) ได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิด ระหว่าง สธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่นักเรียนในโครงการดังกล่าวทยอยกลับมาแล้ว เนื่องจากโครงการได้ยกเลิกไปตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาด ยังเหลือกลุ่มใหญ่ที่สหรัฐฯ โดยเราได้มีการหารือกับทางเอเอฟเอสในการทยอยนำนักเรียนเดินทางงกลับประเทศไทย คาดว่าจะเดินทางกลับมาได้ทั้งหมดในเดือน เม.ย. เมื่อกลับมาจะต้องผ่านการคัดกรอง มีหนังสือรับรองจากสถานทูต และใบรับรองแพทย์ให้สามารถขึ้นเครื่องบินได้ ส่วนมาตรการในรายละเอียดขอให้รอติดตาม

 

          นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกัน (1 เม.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธาณสุข และปลัด สธ. ได้กำชับในเรื่องนี้ โดยเห็นว่าหากใช้โมเดลเดียวกับนักเรียนไทยที่เดินทางกลับมาจากอิตาลี ซึ่งกลับมาเป็นกลุ่ม จะสะดวกในการดูแล ปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่และนักเรียน เมื่อมาถึงให้ส่งไปกักตัวที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี และพื้นที่ของกองทัพอากาศที่กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด

 

          พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า จากการปฏิบัติงานตลอดระเวลา 4-5 วันที่ผ่านมาพบว่า ยังมีประชาชนบางส่วนฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ประกาศ และกฎหมาย มีหลายกรณีที่ไปมั่วสุม ตั้งวงสังสรรค์ เล่นการพนัน เด็กแว้น ปาร์ตี้ยาอี ลักษณะนี้ถือว่ากระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ทั้ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงการกักตุนสินค้า ขายหน้ากากอนามัยเกินราคา ยืนยันว่าเป็นความผิดรุนแรง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เร่งรัดดำเนินคดีและสั่งฟ้องทุกข้อหา เสนอให้ริบของกลาง ให้ลงโทษสถานหนัก ไม่ต้องรอลงอาญา ดูตัวอย่างกรณีที่มีการเอาน้ำลายไปป้ายสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งศาลสั่งจำคุกแล้ว 15 วัน ไม่รอลงอาญา ขณะที่นายกฯเป็นห่วงและกำชับให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพราะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน

 

          พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า กรณีที่มีการประกาศห้ามนอกพื้นที่ เช่น นนทบุรี ที่มีการประกาศห้ามออกจากเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00 – 05.00 น. เป็นการขอความร่วมมือประชาชน ยกเว้นกลุ่มที่มีความจำเป็น เช่น การขนส่งสินค้า การขนส่งเวชภัณฑ์ สามารถทำได้ ส่วนประชาชนทั่วไป เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลากลางคืน คนปกติจะอยู่บ้าน ถ้าทำงานอยู่ กทม. ช่วงเช้าสามารถเดินทางได้ ส่วนด่านคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด ขณะนี้มี 409 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีด่านเคลื่อนที่เร็วตามจุดต่างๆ ซึ่งจะแนะนำประชาชนให้ทำตามมาตรการ หากเตือนแล้วไม่ฟังก็ต้องดำเนินคดี

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ