ข่าว

ยะลาป่วยโควิดดับรายแรก-สะสมทั่วประเทศ 1,388

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สธ.เผยติดเชื้อเพิ่ม 143 ราย อาการหนัก 17 เน้นเข้มพิเศษ 8 จว.-ภาคใต้ระบาดหนัก กำชับจังหวัดไร้ติดเชื้อคัดกรองคนนอกเข้าพื้นที่ "บิ๊กตู่" ฮึ่มสั่งลงโทษเด็ดขาดฝ่าฝืนพ.ร.ก. หลังตัวเลขทะยานไม่หยุดลามแล้ว 59 จังหวัด

หลังจากรัฐบาลประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินและออกมาตรการเข้มและตั้งด่านตรวจคัดกรองกว่า 300 ด่านทั่วประเทศ แต่ตัวเลขติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นและลามไป 59 จังหวัด

อ่านข่าว-ด่วน ไทยติดเชื้อเพิ่ม 136 ราย ยอดสะสม 1,524 ราย 

 

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์แพร่ระบาดว่าวันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่จำนวน 143 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 1,388 ราย เป็นคนไทย 1,172 ราย คนต่างชาติ 216 ราย เป็นผู้ชาย 61%

 

โดยเป็นผู้ป่วยใน กทม. 641 ราย ที่เหลือกระจายตามภูมิภาค อย่างไรก็ตามวันนี้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็นผู้ชายอายุ 68 ปี ที่ จ.นนทบุรี โดยรายนี้มีประวัติเชื่อมโยงกับการไปในสนามมวย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 7 ราย ทั้งนี้ย้ำว่าผู้ติดเชื้อมีทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีอาการต้องตรวจหาให้เจอเพราะเดินทางไปมาได้ หรืออาการเล็กน้อยไม่ได้หยุดพักอยู่กับบ้าน เป็นพาหะนำโรคที่ทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้แนวโน้มการติดเชื้อยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 12-18 มีนาคม ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังมีอยู่ไม่มาก และกระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่จังหวัด และอยู่ในเฉพาะกรุงเทพฯ แต่ในอีก 10 วันต่อมาตัวเลขกลับเพิ่มสูงขึ้นและกระจายไปทั่วทั้งประเทศ ซึ่งเรื่องนี้เราต้องการให้ทุกท่านช่วยกัน ไม่ให้ตัวเลขผู้ป่วยกระจายเพิ่มขึ้น ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ทุกคนในประเทศไทยมีความเสี่ยงทั้งสิ้น สำหรับพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษได้แก่ กรุงเทพฯ, ชลบุรี, ภูเก็ต, สี่จังหวัดภาคใต้ สงขลา-ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส และสระแก้ว

ฮึ่มลงโทษเด็ดขาดฝ่าฝืนพ.ร.ก.

โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า วันนี้นายกฯ เข้าร่วมประชุมโดยได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่ช่วยกันทำงานและขอบคุณประชาชนที่ร่วมกันอยู่บ้านหยุดเชื้อ สำหรับผู้ที่ยังปฏิบัติไม่ถูกต้อง ขณะนี้เราอยู่ในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะต้องมีการลงโทษอย่างเด็ดขาด รวมทั้งให้จังหวัดรายงานสถานการณ์ทุกวัน ทั้งนี้การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม เป็นผลดีหรือไม่ ตัวเลขจะสะท้อนออกมาหลังประกาศไปแล้ว 5-7 วัน 

สำหรับการประชุมกลุ่มเล็กที่มีนายกฯ เป็นประธานวันเดียวกัน นายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องตัวเลขและข้อมูลโดยให้ สธ.รายงานเป็นไทม์ไลน์เพื่อจะได้วิเคราะห์ออกมาตรการแก้ปัญหาและให้แต่ละจังหวัดรวบรวมรายงานและข้อกำหนดที่จังหวัดออกมาเพื่อจะนำมาสื่อสารให้ประชาชนปฏิบัติตามรวมถึงกำชับเรื่องการหาหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ประชาชนมีใช้อย่างเพียงพอ

“นายกฯ ระบุว่าเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแล้วยังมีความห่วงและกังวล ดังนั้นมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจะต้องมีมาตรการที่เฉพาะเจาจะจงลงไป โดยสั่งการให้กระทวงมหาดไทยแจ้งมาเลยว่าแต่ละแห่งมีมาตรการอย่างไร และให้รายงานต่อนายกฯ ทุกวัน ตอนนี้ทุกพื้นที่เข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการประกาศห้ามเดินทางเข้าออก ยกเว้นต้องการรักษาพยาบาล การขนส่งสินค้า หากใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รัฐบาลต้องทำแบบนี้เพื่อประชาชนเอง อาจเสียความสะดวกสบายไปบ้าง แต่อดทนสักนิด ทุกอย่างจะกลับคืนกลับมาเหมือนเดิม และขอย้ำว่า “รวมกันติดหมู่ แยกกันอยู่เรารอด”

นายกฯถกวงเล็กจี้แก้ปัญหาปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เวลา 10.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เรียก นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายบุญยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนพ.ทวีศิลป์ โฆษก ศบค. เพื่อประชุมกลุ่มเล็กบนชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน หลังมีผู้ติดเชื้อสะสม 1,388 ราย และมีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องรวมเป็นรายที่ 7 แล้ว รวมถึงติดตามสถานการณ์หน้ากากอนามัยที่ยังขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนและราคาไข่ไก่ที่ขาดตลาดมีราคาแพงขึ้น

ต่อมา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงจากตึกไทยคู่ฟ้า โดยก่อนเดินทางกลับ นายกฯ ได้วนรถมาที่ ศบค.เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่มาจากหลายภาคส่วนซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง 

ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ นายกฯ กล่าวว่า ได้กำชับมาตรการไปหมดแล้ว โดยให้แต่ละส่วนชี้แจงข้อมูล ผู้สื่อข่าวถามว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันเป็นห่วงและจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรเพิ่มก็ให้ทำตามมาตรการจะได้ลดลง เมื่อถามย้ำว่าจะมีมาตรการที่เข้มข้นกว่านี้อีกหรือไม่ เพราะบางจังหวัดมีมาตรการที่เข้มข้นและปิดพื้นที่ไปแล้ว นายกฯ กล่าวว่า “คุมใจตัวเองให้ได้แล้วกัน”

ตั้ง10ศูนย์บูรณาการแก้ปัญหา

ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามแต่งตั้งหน่วยงานภายใต้ ศบค.ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยจุดประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในแต่ละด้านภายในโครงสร้างกลุ่มต่างๆ ปฏิบัติหน้าที่แก้ปัญหาสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวประกอบด้วย 1.สำนักเลขาธิการ 2.สำนักประสานงานกลาง 3.ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4.ศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชน 5.ศูนย์ปฏิบัติการกระจายหน้ากากและเวชภัณฑ์สำหรับประชาชน 6.ศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า 7.ศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ 8.ศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม 9.ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง และ 10.ศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยศูนย์เหล่านี้จะรายงานตรงสู่นายกฯ เพื่อติดตามสถานการณ์และสั่งการทันทีหากมีข้อติดขัด และให้ประชาชนมั่นใจและอุ่นใจว่ารัฐบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมงและแก้ปัญหาทุกปัญหาจะไม่ปล่อยให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน

ลาม59จว.สั่งเข้มพื้นที่ไร้ป่วย

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยกระจายออกไปทั่วประเทศ 59 จังหวัดแล้ว โดยที่เหลือยังไม่พบผู้ป่วย อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้องให้เน้นคุมเข้มในเรื่องของจังหวัดที่ยังไม่พบผู้ป่วยนั้นต้องมีการติดตามตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของจังหวัดถ้ามีผู้ใดเดินทางมาจากนอกพื้นที่จะต้องมีการติดตามตัวเฝ้าระวังให้ครบ 14 วัน รวมทั้งต้องขอดูอาการตลอดเวลา 14 วัน นอกจากนี้จะต้องมีดำเนินการเพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ตามมาตรการระยะทางสังคม

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ที่เพิ่ม 143 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้ กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 70 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 5 ราย, กลุ่มสถานบันเทิง 15 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 49 ราย และผู้ร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 1 ราย กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 43 ราย ได้แก่ กลุ่มที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทั้งคนไทยและคนต่างชาติ 22 ราย, กลุ่มผู้ทำงาน/อาศัย และเดินทางไปในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมากหรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 8 ราย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 8 ราย และกลุ่มอื่นๆ ตามเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น ปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 5 ราย และกลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 30 ราย ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 17 ราย มีอาการปอดอักเสบใส่เครื่องช่วยหายใจ ในจำนวนนี้ 1 รายอาการอยู่ในภาวะวิกฤติ

ยะลาป่วยติดเชื้อดับรายแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา (สสจ.ยะลา) ได้ออกประกาศฉบับที่ 2 กรณีผู้ป่วยโควิด-19 จ.ยะลา เสียชีวิตรายแรก โดยมีข้อความว่าสถานการณ์จังหวัดยะลา ข้อมูล ณ วันที่ 29 มีนาคม ณ เวลา 11.00 น. ผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสม 35 ราย รายใหม่ 7 ราย รักษาหายสะสม 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย นอนรักษาที่โรงพยาบาล จำนวน 31 ราย รพ.ยะลา 16 ราย, รพ.บันนังสตา 11 ราย, รพ.รามัน 3 ราย และรพ.ยะหา 1 ราย

ส่วนกรณีผู้ป่วยที่มีรายงานเสียชีวิตในวันนี้เป็นเพศชายอายุ 54 ปี อาชีพค้าขาย สัญชาติไทย นับถือศาสนาอิสลาม อาศัยอยู่ใน อ.เมือง จ.ยะลา มีประวัติเดินทางไปมาเลเซียเมื่อวันที่ 12 มีนาคม เพื่อส่งบุตรสาวที่เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน และเดินทางกลับวันที่ 13 มีนาคม เริ่มป่วยวันที่ 15 มีนาคม และไปพบแพทย์ในวันที่ 16 มีนาคม ด้วยอาการไข้สูง ไอเจ็บคอ หายใจลำบาก โดยมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม โดยทีมแพทย์ให้การรักษาอย่างเต็มที่ใส่เครื่องช่วยหายใจแต่อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิต สำหรับผู้สัมผัสร่วมบ้าน มีจำนวน 5 คน พบ 2 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยันนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนอีก 3 รายไม่พบเชื้อและแยกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน

 

 

สปสช.จัดงบกว่า4พันล.ให้รพ.

วันเดียวกัน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า สปสช.ได้รับอนุมัติงบกลางจากรัฐบาล 3,260 ล้านบาท รวมกับงบ สปสช. อีก 1,020 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4,280 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 แก่สถานพยาบาล โดยจะเป็นการจ่ายเพิ่มจากอัตราเดิม ตามรายการการจ่ายแบบ Fee Schedule หรือจ่ายตามเงื่อนไขรายการเพดานราคาที่กำหนด ครอบคลุม ค่าแล็บ ค่าชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ค่ายา ค่าห้องควบคุม และค่ารถส่งต่อ โดยขณะนี้ได้จัดทำหลักเกณฑ์การจ่ายเสร็จเรียบร้อยรอเพียง รมว.สาธารณสุขลงนาม ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับชุด Screening test หรือชุดทดสอบเบื้องต้นนั้น อยู่ระหว่างรอความชัดเจนด้านวิชาการ แต่จากตัวเลขประมาณการผู้ป่วยแล้วคิดว่า สปสช.มีงบเพียงพอ

ส่วนกรณีที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นจนต้องจัดสถานที่แก่ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงนอกเหนือจากโรงพยาบาล เช่น ห้องแยกผู้ป่วยรวมหลายเตียงและโรงพยาบาลสนามนั้นสามารถจ่ายได้ตามระบบกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วมและรายการจ่ายเพิ่มเติม หรือในกรณีที่เป็นโรงแรมหรือโรงเรียนถ้าเป็นการดูแลรักษาภายในความดูแลของโรงพยาบาลสามารถเบิกจ่ายได้โดยโรงพยาบาลแม่ และสำหรับผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่ต้องกักตัวที่บ้านคาดว่าจะสามารถจ่ายได้โดยจ่ายจากงบส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่สามารถจ่ายได้ทุกสิทธิ์รักษาพยาบาลของประชาชน

นร.อิตาลี83คนกลับภูมิลำเนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเช้าวันเดียวกันที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ดูแลสุขภาพคนไทยที่เดินทางมาจากอิตาลี กองทัพเรือที่สวัสดิการอาคารรับรองกองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยกองทัพเรือและสาธารณสุข ได้ร่วมส่งนักเรียนทุน AFS จำนวน 78 คน และเจ้าหน้าที่ 5 คน รวม 83 คน หลังกักตัวครบ 14 วันกลับสู่ครอบครัวที่มารอเฝ้ารับจำนวนมาก และบางส่วนเดินทางโดยรถบัสกองทัพเรือเพื่อกลับภูมิลำเนา ทั้งนี้กองทัพเรือขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยเพราะกลุ่มนักเรียนจากอิตาลีไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อ พร้อมกันนี้ศูนย์จะยังไม่มีการปิดตัวเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับต่อสถานการณ์ตามคำสั่งการของรัฐบาลในส่วนพื้นที่กักกัน

แก๊งปาร์ตี้เชียงรายเจอฝ่าฝืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย บุกเข้าจับกุมกลุ่มวัยรุ่นชาย 10 คน หญิง 12 คน อายุระหว่าง 20-35 ปี รวม 22 คน พี่พากันเปิดโรงแรมหรูจัดงานปาร์ตี้และมีสิ่งของผิดกฎหมาย ทั้งยาไอซ์ ยาเค เหล้าเบียร์ มั่วเซ็กส์ โดยสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัส และฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ให้งดกิจกรรมสังสรรค์ ล่าสุด พ.ต.อ.ภาสกร ณ พิกุล ผกก.สภ.บ้านดู่ เปิดเผยว่า ภายหลังจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้เร่งสอบสวนเพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามที่แจ้งข้อหารวมทั้งได้เพิ่มข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปด้วยแต่ผู้ต้องหาที่มีจำนวนมากจึงต้องใช้เวลาสอบสวนและจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงรายวันที่ 30 มีนาคมนี้

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ