ข่าว

ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง อดีตผอ.ฟ้อง13 บิ๊กวงการศึกษา พ่วง ส.ส.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อดีตผอ.ร.ร.โจทก์ ฟ้อง 13 บิ๊กวงการศึกษา พ่วงส.ส. ระบุ ยื่นฟ้องเพื่อเป็นแบบอย่างให้วงการครู ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่เรียกความยุติธรรมให้ครู-ผอ.ถูกย้ายไม่เป็นธรรม

 

จากกรณี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 เวลา 09.00 น ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่อท.5 1/2562 ระหว่าง นายมีศิลป์ ชินภักดี กับ นายกิตติ บุญเชิด จำเลย กับพวกรวม 14 คน จำเลยซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการประเมินศักยภาพผู้ขอย้าย กรรมการกลั่นกรองการย้าย

และ อนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 25 ขอนแก่น ในข้อหามาตรา 157 ร่วมกันปฏิบัติโดยไม่ชอบ มาตรา 83 มาตรา 91 และมาตรา 162 (1), (4) จัดทำ รับรอง เอกสารอันเป็นเท็จ กรณีโจทก์ยื่นคำร้องขอย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนเมื่อปี พ.ศ.2558 และศาลได้พิพากษาตัดสินจำคุกจำเลยในคดี 2-6 ปี ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเรื่องนี้นายมีศิลป์ ชินภักดี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนผดุงนารี อ.เมือง จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ เปิดเผยว่า หลังฟังคำพิพากษาของศาลเมื่อวันที่ 23 มี.ค.2563 ตนพอใจกับคำตัดสินและต้องรอดูว่าทางคู่กรณีจะยื่นอุทรณ์อย่างไรบ้างและตนจะเอาสำเนาคำพิพากษามาศึกษาโดยละเอียดอีกครั้งแล้วค่อยจะอุทรณ์ต่อ

เพราะโดยข้อกฎหมายให้สิทธิ์คู่ความมีสิทธิ์อุทรณ์คำพิพากษาของศาลได้ และสาเหตุที่ตนทำเรื่องขอย้ายเพื่อมาดำรงตำแหน่งผอ.โรงเรียนขอนแก่นวิทยายนนั้นเนื่องจากตนเป็นผอ.โรงเรียนผดุงนารีที่จ.มหาสารคามมา 12 ปี และไม่ได้ย้ายไปไหนเลย จึงได้ขอย้ายมาบ้านที่ขอนแก่นและพอขอย้ายปรากฎว่าการพิจารณากลั่นกรองไม่เป็นธรรม โดยการพิจารณากลั่นกรองนั้นมาจากคณะกรรมการ อ.ก.ค.ศ. ทำให้ตนตัดสินใจยื่นศาลเพื่อฟ้องร้องในเรื่องนี้

 

“สำหรับคำพิพากษาของศาลที่ออกมาผมน้อมรับคำพิพากษา แต่กรณีที่ผมยื่นฟ้องเพราะอยากให้เรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานในวงการสังคมการแต่งตั้งโยกย้ายในวงการศึกษาไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนหรือตำแหน่งครูผู้สอนให้รับรู้รับทราบว่ามีกระบวนการทำมาหากินในเรื่องนี้พอสมควร และอยากจะให้เรื่องนี้เตือนสติผู้คนที่มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายว่าให้ทำโดยโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรมสำหรับผู้ขอโยกย้ายทุกคน"นายมีศิลป์ กล่าว

นายมีศิลป์ กล่าวอีกว่า อย่าเอาผลประโยชน์และเอาอามิสสินจ้างมาเป็นที่ตั้งและผมไม่ได้มุ่งหวังว่าฟ้องชนะแล้วผมจะสามารถมาเป็นผอ.โรงเรียนขอนแก่นวิทยายนได้ เพราะเรื่องนี้มันจบตั้งแต่ปี 2558 แล้วจบตั้งแต่มี่การแต่งตั้งผอ.แล้ว แต่กระบวนการต่อจากนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง อดีตผอ.ฟ้อง13 บิ๊กวงการศึกษา พ่วง ส.ส.

นายมีศิลป์ กล่าวต่อว่าา หลังจากศาลมีคำพิพากษาออกมา มีเพื่อนโทรศัพท์มาแสดงความยินดีว่าตนชนะคดี แต่บางคนก็ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับตนแล้วอยากจะทำเรื่องนี้เพื่อสังคม ทำเพื่อเพื่อนข้าราชการครู ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เพราะถ้าทำเพื่อตัวเองถ้าตนชนะแล้วตนก็ต้องได้เป็นผอ.โรงเรียนขอนแก่นวิทยายนแต่ตอนนี้ตนชนะแล้วก็ไม่ได้เป็นผอ.เพราะตนเกษียณอายุราชการแล้ว

 

สำหรับคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยจำคุก 2-6 ปี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 นั้นประกอบด้วย

จำเลยที่ 1 นายกิตติ บุญเชิด อดีตผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 25 (สพม. 25 ) เป็นกรรมการกลั่นกรองและเป็น อ.ก.ค.ศ. ลงโทษจำคุก 6 ปี,

จำเลยที่ 2 นายเกียรติศักดิ์ หอมพิกุล รองผอ. สพม. 25 เป็นกรรมการกลั่นกรอง ลงโทษจำคุก 3 ปี

 

ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง อดีตผอ.ฟ้อง13 บิ๊กวงการศึกษา พ่วง ส.ส. นายมีศิลป์ ชินภักดี

จำเลยที่ 3 นายวีระเดช ซาตา อดีตผอ.โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย เป็นกรรมการกลั่นกรองและเป็น อ.ก.ค.ศ. ลงโทษจำคุก 3 ปี

 จำเลยที่ 4 นายบัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.พรรคเพื่อไทยเขต 10 เป็นกรรมการกลั่นกรองและเป็น อ.ก.ค.ศ. ลงโทษจำคุก 3 ปี

จำเลยที่ 5 นายสุรินทร์ หล้าหา อดีตผอ.กลุ่มส่งเสริม สพม. 25 เป็นกรรมการกลั่นกรองและเป็น อ.ก.ค.ศ. ต้องโทษจำคุก 3 ปี

 จำเลยที่ 6 นางกรรณิกา ศรีสัตย์รสนา อดีตผอ.โรงเรียนกัลยาณวัตร เป็นกรรมการกลั่นกรอง ลงโทษจำคุก 2 ปี

 จำเลยที่ 7 นายภูวดล หมื่นสีพรหม อดีตผอ.โรงเรียนแวงน้อยศึกษา เป็นกรรมการกลั่นกรอง ลงโทษจำคุก 2 ปี

จำเลยที่ 8 นายสุนันท์ คำจันทร์ อดีตผอ.โรงเรียนกู่ทองวิทยาลัย เป็นกรรมการกลั่นกรอง ลงโทษจำคุก 2 ปี

 จำเลยที่ 9 นายสมเกียรติ ศรีดอนชัย อดีตผอ.โรงเรียนนครขอนแก่น เป็นกรรมการกลั่นกรอง ลงโทษจำคุก 2 ปี

จำเลยที่ 10 นายลิขิต เพชรผล อดีตผอ.โรงเรียนกัลยาณวัตร ประธาน อ.ก.ค.ศ.ลงโทษ จำคุก 3 ปี

จำเลยที่ 11 ว่าที่เรืออากาศตรี เจริญ สุขทรัพย์ ข้าราชการครูจาก สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และเป็น อ.ก.ค.ศ. ลงโทษจำคุก 3 ปี

จำเลยที่ 12 พันตำรวจเอกเสถียร ไชยสงคราม ผู้ทรงคุณวุฒิ และเป็น อ.ก.ค.ศ. ลงโทษจำคุก 3 ปี

จำเลยที่ 13 นายยุทธศาสตร์ กงเพชร ผอ.โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน และเป็น อ.ก.ค.ศ. พิพากษายกฟ้อง และ จำเลยที่ 14 นายมาโนช ฝั้นฉิม ครูโรงเรียนพล และเป็น อ.ก.ค.ศ.ลงโทษจำคุก 3 ปี

 

โดยก่อนหน้านี้คดีนี้ ศาลปกครองขอนแก่นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 ให้เพิกถอนคำสั่ง สพม. 25 ที่ 558 /2558 ลง.30 พฤศจิกายน 2558 เฉพาะที่ย้ายและแต่งตั้งนายยุทธศาสตร์ กงเพชร ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน และอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณา และสำหรับคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ได้ถูกเลิกไปแล้วภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจ

ข่าว สุมาลี สุวรรณกร /ภาพ-กวินทรา ใจซื่อ  ศูนย์อีสาน จังหวัดขอนแก่น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ