"นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ" โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ตอบทุกประเด็นสงสัย "โควิด-19" ขอทุกคนดูแลสุขภาพป้องกันการติดเชื้อ ชี้คนหนุ่มสาวที่ติดเชื้อจะแพร่เชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมขอกำลังใจให้ทีมแพทย์และพยาบาลที่ทำงานหนัก
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2563 นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นพ.ทรงคุณวุฒิและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบข้อสงสัยทุกประเด็นที่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 ระบุว่า.. ตอบทุกประเด็น โควิด-19 ด้วย “ความจริง”
อ่านข่าว "แมทธิว" เผยอาการล่าสุด หลังรักษาโควิด-19
1) มียา และรักษาได้ครับ (อนาคตมีวัคซีน)
ยา chloroquine ที่รักษามาลาเรีย ที่ประเทศไทยมีเพียงพอ กับ favipiravir (ผลิตที่ญี่ปุ่นและจีน) 1 คนใช้ 70 เม็ด กระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมแล้ว เราวางแผนเตรียมถึงสถานการณ์แย่สุด แต่ตอนนี้ เราเตรียมได้ 2 แสนเม็ด และจะพยายามอย่างที่สุดที่จะเตรียมเพิ่มครับ
- ที่สำคัญ ไม่ใช่คนไข้ทุกคนต้องใช้ยานะครับ คนไข้อาการน้อยๆไม่ต้องใช้ยา หายเองได้ด้วย
2) ระบบสาธารณสุข กายภาพ อุปกรณ์ กำลังคน เตียง
2.1) ผู้ป่วยอาการหนัก ที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตและก่อให้เกิดละอองที่จะให้เกิดการติดต่อทางการหายใจ ควรต้องเป็นห้องความดันลบ ได้เตรียมไว้ครับ ทั้งประเทศ มี 100 กว่าห้อง มีอยู่ทั่วประเทศ
- มีการเตรียมห้องที่ดัดแปลง รวมทั้งห้องแยกอื่นๆ รวมทั้งไอซียู (ในโรงพยาบาลเฉพาะ) รวมทั้งเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ช่วยชีวิต
2.2) ห้องเหล่านี้ในโรงพยาบาลหลายแห่งใช้เครื่องปรับอากาศรวม เราวางแผนปรับเป็นหอผู้ป่วยโควิด-19 ( Cohort ward )
- เราจะป้องกัน มีอุปกรณ์ป้องกัน สำหรับการติดต่อทางการหายใจจะสามารถแพร่กระจายไปกว้างขวาง
- หมอทุกคน จบมามีความรู้พื้นฐาน มีมาตรฐานครับ ดูแลผู้ป่วยได้ครับ (เรามีระบบแพทย์ที่ปรึกษาพร้อม 24 ชั่วโมง ส่งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ได้)
ขอความเมตตา ขอกำลังใจ หมอ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ ขณะนี้งานหนักมาก
ขอให้ท่านรักษาสุขภาพ เราให้กำลังใจท่านครับ ผมเคยเป็น “หมอบ้านนอก” คนไข้แออัด เต็ม วอร์ด เต็มไอซียู และครองเตียง ครองเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ช่วยชีวิตไปหมด
"สิ่งที่สำคัญ นอกจากกำลังใจ"
- พี่น้องประชาชนต้องรักษาสุขภาพ รู้วิธีที่ถูกต้องป้องกันการติดเชื้อ และแพร่เชื้อครับ
3) เราตระหนักว่า โรคนี้การติดต่อจากคนสู่คน
ดังนั้น ผมยกตัวอย่างที่ดี คนญี่ปุ่นมีวินัย รับผิดชอบสังคม รักชาติ ผมเชื่อว่า คนไทย รักชาติ
ถ้าเราช่วยกันจริงๆ จะลดการติดเชื้อไปยังผู้ใกล้ชิด หมอเน้นครับ ต้องป้องกันตนเองและป้องกันผู้อื่น ครับ
(ผู้ติดเชื้อที่เป็นหนุ่มสาวแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวจะเป็นคนแพร่เชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าในที่ทำงาน ในระหว่างการเดินทางด้วยรถสาธารณะ หลังเวลาทำงาน ไปแพร่ระหว่างกลุ่มคนอีกมากมาย และเมื่อเชื้อแพร่เข้าไปในกลุ่มคนเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว)
มาตรการ เพิ่มระยะห่าง (Social distancing) เป็นเพียงหนึ่งในมาตรการสำคัญ เรายังอีกหลายมาตรการรับมือ ครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง