ข่าว

คาร์บอมบ์ป่วนถกโควิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โจรใต้หวังสังหารหมู่ ฉวยโอกาส ศอ.บต.ประชุมสถานการณ์โควิด-19 วางระเบิดลูกแรกลวง ก่อนกดชนวนคาร์บอมบ์ซ้ำ นักข่าว-ตำรวจ-ทหาร-ประชาชน เจ็บ 25 ราย ผบ.ตร.สั่งคุมเข้มตั้งจุดตรวจ

          เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 มีนาคม พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุระเบิดริมถนนหน้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จ.ยะลา ขณะมีการประชุมติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ผู้สื่อข่าว และประชาชน ทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหายจำนวนมาก

 

 

 

          ภายหลังทราบเหตุ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้ ฉก.ยะลา เข้าควบคุมสถานการณ์และบริหารจัดการที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคนร้ายก่อเหตุเพื่อสังหารหมู่ โดยใช้ระเบิดชนิดลูกแรกก่อเหตุที่หน้า ศอ.บต. เพื่อดึงเจ้าหน้าที่และประชาชนออกมาดูแล้วระเบิดซ้ำด้วยรถยนต์ประกอบระเบิดซึ่งมาจอดทิ้งไว้บริเวณทางเข้า ศอ.บต. ห่างจากจุดแรกเพียงเล็กน้อย สำหรับรถยนต์คันก่อเหตุดัดแปลงเป็นรถบรรทุกไม้ เข้าก่อเหตุหวังสังหารหมู่และทำลายภาพลักษณ์เมืองเศรษฐกิจ ถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ทุกฝ่ายกำลังมุ่งเน้นแก้ปัญหาภัยโรคระบาดจากไวรัสโควิด-19 อยู่ในขณะนี้ จึงสมควรต้องประณามพฤติกรรมในครั้งนี้ โดยได้สั่งให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการควบคุมพื้นที่ ตรวจสอบรถและบุคคลต้องสงสัยและรวบรวมวัตถุพยานเพื่อขยายผลกลุ่มคนร้าย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุระเบิดครั้งแรก ไม่ทราบจุดที่แน่นอน บริเวณหน้า ศอ.บต. จากนั้นประมาณ 10 นาที คนร้ายได้กดชนวนระเบิดที่ซุกอยู่ในรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว ทำให้มีผู้บาดเจ็บทันทีหลายราย เนื่องจากช่วงเช้าเวลา 09.30 น. ศอ.บต.ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งขณะกำลังประชุมอยู่ภายในห้องประชุมนั้น ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นครั้งแรก สร้างความตื่นตระหนกในที่ประชุม จากนั้นกลุ่มสื่อมวลชนได้เดินออกจากห้องประชุมเพื่อมาดูเหตุการณ์บริเวณป้อมยามหน้าประตูทางเข้า ศอ.บต. ซึ่งพบเพียงกลุ่มควัน จากนั้นก็พบรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีขาว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่หน้าป้าย ศอ.บต. โดยเจ้าหน้าที่และ รปภ.ได้สอบถามเพื่อติดตามตัวเจ้าของรถ ต่อมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของ ศอ.บต.และ ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองยะลา ได้เข้ามาปิดกั้นถนนเส้นผ่านหน้า ศอ.บต. เพื่อป้องกันเหตุ และไม่นานก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์กระบะต้องสงสัยดังกล่าว

          ต่อมามีการเผยภาพจากกล้องวงจรปิด โดยพบพฤติการณ์ 2 คนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าระเบิดดังกล่าวหนักกว่า 100 กิโลกรัม และมีการวางแผนมาอย่างดี จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้บาดเจ็บ 25 คน ประกอบด้วย ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ ตำรวจ ทหาร และประชาชนในพื้นที่อีกบางส่วน โดยทั้งหมดถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลยะลา

          ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพวงจรปิด พบว่าก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขับรถยนต์กระบะที่คาดว่าประกอบระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม ลักษณะเหมือนรถรับเหมาก่อสร้าง มาจอดไว้ที่หน้าป้าย ศอ.บต. ซึ่งใกล้กับประตูทางเข้า โดยเวลาที่คนร้ายนำรถมาจอด ประมาณ 10.21 น. เมื่อคนร้ายขับรถยนต์กระบะมาจอดแล้ว ได้มีชายอีกคนขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ทราบยี่ห้อ หมายเลขทะเบียน ลักษณะเหมือนจอดรออยู่ตรงจุดจอดรถใกล้ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย จากนั้นได้ขับรถออกมารับคนร้ายที่ขับรถยนต์กระบะมาจอดไว้ และคนร้ายที่ขับรถยนต์กระบะได้เดินมาพร้อมกับนำเอาสิ่งของมาวางไว้ใกล้กับต้นไม้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นระเบิดลูกแรกที่ใช้เป็นระเบิดลวงให้ออกมาก่อนกดคาร์บอมบ์ซ้ำ

 

 

 

          ด้าน พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยเหตุเกิดจากผู้ไม่หวังดีมุ่งทำร้ายชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้วยกัน มีการวางแผนนำรถจักรยานยนต์เข้ามาวางระเบิด จากนั้นนำรถซึ่งเป็นคาร์บอมบ์มาจอดตามและเกิดระเบิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าประชาชนในพื้นที่จะต้องยืนด้านไหน ในขณะที่อีกด้านเป็นการประชุมเพื่อแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยกันป้องกันและดูแลไม่ให้มีการระบาดต่อเนื่อง แต่ในขณะที่คนอีกกลุ่มต้องการทำลายทุกอย่าง ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน

          เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวอีกว่า การประชุมก็จะยังคงดำเนินต่อไป เพราะรัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างมาก เนื่องจากวิถีชีวิตของประชาชนชาวไทยมุสลิมแตกต่างจากพื้นที่อื่น มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน และมีการปฏิบัติศาสนกิจในวันศุกร์ ซึ่งมีกลุ่มคนหมู่มากมารวมตัวกัน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหามาตรการร่วมกันต่อไป อีกทั้งยังมีการเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มคนที่ไปร่วมชุมนุมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งมีการยืนยันแล้ว 2 ราย เราจึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังการแพร่เชื้อจากคนกลุ่มนี้ด้วย 

          วันเดียวกัน ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9, พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต., พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล ผบก.ภ.จว.ยะลา พนักงานสอบสวน, เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสถานที่เกิดเหตุ โดยมีการซักถามพยานที่เห็นเหตุการณ์และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแส หรือข้อมูลของคนที่ก่อเหตุและตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่เกิดเหตุ

          พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น น่าเชื่อว่า เกิดจากฝีมือของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หวังสร้างสถานการณ์และประสงค์ต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ จากการปิดล้อมกดดันจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้สั่งการให้สถานีตำรวจในพื้นที่เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวัง และการป้องกันเหตุความไม่สงบในพื้นที่โดยรอบของสถานีตำรวจและหน่วยราชการต่างๆ รวมไปถึงให้เพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราสถานที่ต่างๆ เช่น แหล่งชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว หรือ สถานที่สำคัญ ที่อาจเป็นเป้าหมาย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุในลักษณะแบบนี้ ตลอดจนเพิ่มมาตรการเข้ม ทั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในการตรวจค้นรถทุกชนิดและบุคคลเป้าหมาย ตามเส้นทางหลักและเส้นทางรอง จัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจ และชุมชน

          รองโฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า หากเกิดเหตุขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งสืบสวนสอบสวน ขยายผล จับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันท่วงที เพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว และนักลงทุนในพื้นที่ ทั้งนี้ ก็ขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยเป็นหูเป็นตา สังเกตบุคคล วัตถุต้องสงสัย หรือวัตถุที่ไม่มีเจ้าของอยู่ผิดที่ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที หรือโทรศัพท์แจ้งเหตุร้ายเหตุด่วน ที่หมายเลข 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

          ทั้งนี้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมขอประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ใช้ความรุนแรงลอบวางระเบิดหวังสังหารหมู่ประชาชนหน้าที่ทำการ ศอ.บต. อ.เมือง จ.ยะลา โดยมีประชาชนได้รับบาดเจ็บหลายราย ถือเป็นความตั้งใจละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งขัดขวางการพัฒนาสันติสุขและศักยภาพของประชาชนในพื้นที่ ด้วยการสร้างความกลัวจากการก่อเหตุรุนแรงมาโดยตลอด นอกจากนั้น ยังเป็นการซ้ำเติมความยากลำบากของประชาชนในพื้นที่จากปัญหาโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าว สมควรได้รับการประณามร่วมกันอย่างกว้างขวาง

          ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจแก่ประชาชน เจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวที่ได้รับบาดเจ็บ โดยได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งให้การช่วยเหลือทางการแพทย์และเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดเป็นการเร่งด่วน พร้อมทั้งขอให้ร่วมกันเร่งฟื้นฟูความเสียหายในพื้นที่ที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ตลอดจนกำชับฝ่ายความมั่นคง ให้เร่งติดตามผู้กระทำผิดทั้งหมด มาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร็ว และขอให้ ศอ.บต.ยังคงความต่อเนื่องการพัฒนาพื้นที่เชิงรุกตามความต้องการของประชาชนต่อไป เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้การอยู่ร่วมกันอย่างสงบและสันติสุขให้ได้ในที่สุด

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ