สธ.โต้นักวิชาการต่างชาติข้องใจตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยันไม่เคยปิดบัง ยอดน้อยจนโลกเซอร์ไพรส์ เพราะเฝ้าระวัง-ลงมือป้องกันก่อนใคร ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม
กรณีมีนักวิชาการด้านระบาดวิทยา จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตั้งข้อสงสัยว่าบางประเทศในภูมิภาค อย่างอินโดนีเซีย กัมพูชา และประเทศไทย ว่าอาจมีผู้ติดเชื้อมากกว่าความเป็นจริง เมื่อพิจารณาจากการเดินทางทางอากาศ โดยเฉพาะกรณีประเทศไทย ที่ไม่เคยปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน อีกทั้งผลวิจัยก่อนหน้าก็คาดการณ์ว่า ไทยคือประเทศเสี่ยงสุดที่จะรับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ด้วยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวชาวจีน
อ่านคำอธิบาย เพิ่มเติมจาก นพ. ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ไขข้อข้องใจไทยเสี่ยงสุดแต่ไม่มีการแพร่ระบาด โควิด-19
วันที่ 19 ก.พ.2563 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค อธิบายว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่เคยมีนโยบายปิดบังข้อมูลใดๆ ขอย้ำว่า ไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่มีมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองที่สนามบิน และสถานพยาบาล ตั้งแต่ 3 มกราคม ก่อนที่หลายประเทศจะให้ความสำคัญ
ไทยยังเป็นประเทศแรกที่ตรวจพบผู้ป่วยชาวจีนติดเชื้อเมื่อ วันที่ 8 ม.ค. จากนั้นเปิดแถลงข่าวเมื่อ 13 ม.ค. และเป็นประเทศแรกที่ประกาศว่าพบผู้ป่วยนอกประเทศจีน เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด จากนั้น มีผู้ป่วยต่อเนื่องจากจีน และมาตรการเข้มมาตลอด เมื่อเริ่มออกตัวเร็ว ประชาชนรับรู้ไว พูดง่ายๆ คือเราตื่นก่อน ทำอะไรได้มากกว่าประเทศที่ตื่นทีหลัง
อ่านข่าว ไทยยกระดับคัดกรอง "ไวรัสโควิด-19" ผวาทัวร์เรือหรู
อ่านข่าว การบินไทย เข้มคัดกรองผู้โดยสาร ไฟลท์กัมพูชา
จากนั้น เริ่มขับเคลื่อนทั้งระบบ โดยที่ทุกฝ่ายลุกขึ้นมา ไม่เพียงแค่เฝ้าระวัง แต่ลงมือป้องกันร่วมกันด้วย ไม่ว่าจะที่สนามบิน ท่าเรือ โรงพยาบาล ชุมชน ทุกสถานที่ท่องเที่ยว การที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมนี้เองจึงช่วยลดการแพร่เชื้อลงได้ “ความหนักใจอย่างหนึ่งของผมในวันนี้ คือไม่มีผู้ป่วยในมือให้แถลงครับ”
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า ณ วันนี้ ไทยคัดกรองเพิ่มสองเท่า ขยายครอบคลุม 8 จังหวัด ส่วนคนไทยที่กลับมาจากประเทศเสี่ยง ก็ทำการตรวจเพิ่ม บางคนมาขอตรวจเองด้วย “เมื่อหาไม่เจอ จะให้ทำอย่างไร”
ส่วนนักท่องเที่ยวจีนในวันนี้ ลดลง 90 % แล้ว เป็นข้อมูลที่ตรงไปตรงมา คือเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวจากพื้นที่ระบาด ก็ไม่มีผู้ป่วยกลุ่มนี้ โรคไม่เข้ามาและไม่แพร่ต่อ กระนั้น ยังขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันเฝ้าระวังต่อไป
อีกด้าน นายแพทย์รุ่งเรือง กิตผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิปฏิบัติหน้าที่โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวย้ำว่า การรายงานทำตามความเป็นจริง ไม่มีปิดบัง ผู้ติดเชื้อ 35 ราย เป็นเชื้อนำเข้าทั้งหมด แต่หากไม่เฝ้าระวังตั้งแต่ 8 ม.ค. อาจแพร่เป็นร้อยเป็นพัน แต่เพราะเฝ้าระวังดี จึงควบคุมได้ตั้งแต่รายต้นๆ
การพบน้อยหรือไม่เจอ ไม่ได้หมายถึงปิดบังข้อมูล เพราะในขณะเดียวกัน ทีมงานยังเพิ่มกลุ่มเสี่ยง กลุ่มคนป่วยไม่สบาย ตรวจเพิ่ม รวมถึงบุคลากรการแพทย์ก็ตรวจเพิ่ม ขอให้มั่นใจว่าเราเน้นเรื่องการค้นหา ยิ่งค้นหาเพิ่มเท่าไหร่ โอกาสพบก็มีมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง