สตม.เข้มทุกด่านห้ามผู้โดยสารเรือเวสเตอร์ดัมเข้าไทย

 

              สำหรับความกังวลกรณี เรือสำราญเวสเตอร์ดัม ที่เข้าเทียบท่าใน กัมพูชา และปล่อยให้ผู้โดยสารและลูกเรือบางส่วนเดินทางด้วยเครื่องบินกลับภูมิลำเนาหลังคัดกรองไม่พบอาการป่วยโดยไม่มีมาตรการกักตัว 14 วัน เฝ้าดูอาการ และปรากฏว่าทางการ มาเลเซีย พบหญิงอเมริกันวัยกว่า 80 ปี ที่เป็นผู้โดยสารบนเรือลำดังกล่าวเดินทางมาด้วยเครื่องบินติดเชื้อ ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคไวรัสโคโรน่า 19 หรือ โควิด-19 นั้น

อ่านข่าว-ไขข้อข้องใจไทยเสี่ยงสุดแต่ไม่มีการแพร่ระบาด โควิด-19

 

 

 

              เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 กรณีเรือสำราญเวสเตอร์ดัม ว่า สำหรับผู้โดยสารเรือสำราญเวสเตอร์ดัมที่เข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก่อนที่ทางการไทยจะสั่งยกเลิกเข้าประเทศ มีทั้งสิ้น 95 คน โดยส่วนใหญ่ได้ต่อเครื่องไปต่างประเทศทั้งหมดแล้ว ที่เข้ามาในประเทศมีเพียง 4 คน เป็นคนไทย 2 คน ต่างชาติ 2 คน ทุกคนได้รับการตรวจด้วยเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคและเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการและผลตรวจเป็นลบทุกคน และยังมีการติดตามอยู่ต่อเนื่อง 14 วัน ส่วนผลการหารือระหว่าง สธ. กับกระทรวงการต่างประเทศ และการท่าอากาศยานไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมื่อวานนี้ (17 กุมภาพันธ์) มีมติตรงกันว่า ไม่รับเครื่องบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์) ที่รับผู้โดยสารจากเรือสำราญลำนี้จนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์

 

 

 

              สำหรับวันนี้ มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสหายดีกลับบ้านได้อีก 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่รักษาตัวอยู่ที่สถาบันโรคทรวงอก และ รพ.ราชวิถี ทำให้มีผู้ป่วยหายป่วยและแพทย์ให้กลับบ้านได้รวมเป็น 17 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ 18 ราย และยังไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม คงยอดสะสมเดิม 35 คน สำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรง 2 ราย ยังคงใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ อาการยังทรง โดยจะพยายามดูแลรักษาอย่างเต็มที่ และในส่วน 138 คนไทยกลับบ้านที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมแล้วสำหรับเดินทางกลับภูมิลำเนา โดย สธ. ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจจากคนไทย 137 คนที่พักในอาคารรับรองส่งตรวจซ้ำเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

 

 

 

              ด้าน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เปิดเผยกรณีผู้โดยสารเรือสำราญเวสเตอร์ดัมที่เดินทางมาต่อเครื่องบินในประเทศไทย ว่า จากการตรวจสอบคัดกรองโรคในเบื้องต้นพบว่าไม่ได้ติดเชื้อ จึงไม่น่าเป็นห่วงว่าจะมีผู้ติดเชื้อเข้ามาในประเทศ ส่วนกรณีที่ สธ. มีมาตรการขอความร่วมมือให้สายการบินต่างๆ ที่จะรับลูกเรือที่มาจากกัมพูชาไม่ออกบัตรโดยสารนั้น สตม. ได้วางมาตรการตรวจคัดกรองตามรายชื่อของบุคคลเฝ้าระวัง และล่าสุดยกระดับมาตรการจากรายชื่อเฝ้าระวังเป็นรายชื่อบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์แบบมีเงื่อนไขคือจะต้องมีใบรับรองจากหน่วยงานทางการแพทย์ว่าได้รับการตรวจคัดแยกโรคแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 14 - 15 วัน ตามมาตรฐาน จึงจะอนุญาตให้เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้โดยนับจากวันที่เรือขึ้นเทียบท่าจะครบกำหนดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้

 

 

 

              ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีการลักลอบหรือเปลี่ยนช่องทางการเดินทางจากสายการบินมาที่ด่านชายแดนภาคพื้นนั้น สตม. เฝ้าระวังทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองที่อยู่ในภาคพื้นอากาศ น้ำ และทางชายแดนที่ใกล้เคียงกับกัมพูชา โดยเพิ่มการเฝ้าระวังมากขึ้นเป็นพิเศษเพราะอาจหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องบินมาใช้การเดินทางที่บริเวณด่านชายแดนแทนได้ และในส่วนตามชายแดนธรรมชาติมีหลายหน่วยงานที่รัฐบาลเฝ้าระวังเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ซึ่ง สตม. จะลงไปช่วยดูแลด้วย

              วันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ประกาศผ่านเว็บไซต์ ว่า ให้บุคคลที่เดินทางมาจากประเทศไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเก๊า ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน แม้จะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ และไม่อนุญาตให้เดินทางไปยังสถานที่สาธารณะแต่ไม่รวมถึงผู้โดยสารต่อเครื่องบินผ่านประเทศ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตขอแจ้งเตือนคนไทยงดการเดินทางไปอิสราเอลจนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง

 

 

 

              มีรายงานแจ้งว่าในการประชุม ครม. วันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างถ้อยแถลงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ “โควิด-19” ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว วันที่ 20 กุมภาพันธ์ โดยเฉพาะสาระอยู่ที่การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับจีนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสตามกรอบที่วางเป้าหมายไว้

              ก่อนหน้านี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ระบุถึงเวทีการประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่รัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมหารือถึงสถานการณ์และหาแนวทางร่วมมือกันสกัดกั้นการแพร่ระบาด  นอกจากนั้นในการประชุมของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศ G20 จัดขึ้นที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ โดยในวาระหนึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วย ซึ่งมีผลกระทบไปถึงภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นความร่วมมือจากประเทศในหลายภูมิภาคต่อสถานการณ์ไวรัสดังกล่าวเพื่อผนึกกำลังทุกฝ่ายยับยั้งการแพร่ระบาดที่ยังน่าเป็นห่วงถึงขณะนี้

 

 

 

              ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าในส่วนกรณีของผู้โดยสารเรือสำราญเวสเตอร์ดัมที่ยังอยู่ที่กัมพูชา ปรากฏว่า สายการบินต่างๆ ไม่ยินยอมให้ผู้โดยสารและลูกเรือเหล่านี้ขึ้นเครื่องสืบเนื่องมาจากกรณีที่มาเลเซียยืนยันผลตรวจผู้โดยสารหญิงชาวอเมริกันติดเชื้อไวรัส โดยเรือสำราญลำนี้มีผู้โดยสารและลูกเรือ 2,257 คน ซึ่งมีอยู่ 1,255 คน ที่ลงจากเรือและเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ส่วนที่ยังเหลืออยู่มีปัญหาเรื่องการเดินทางเพราะไม่มีสายการบินใดยอมรับ ขณะที่สหราชอาณาจักรพยายามติดต่อพลเมืองจำนวนหนึ่งที่ลงจากเรือเวสเตอร์ดัมหลังจากที่พบว่ากัมพูชาไม่ได้ดำเนินมาตรการที่เหมาะสมแม้แต่ผู้โดยสารบนเรือก็ยังประหลาดใจที่ได้รับอนุญาตให้ท่องเที่ยวได้ในกรุงพนมเปญโดยที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการยืนยันปลอดไวรัส

 

 

 

              มีรายงานว่ารัฐบาลกัมพูชาจัดให้นักท่องเที่ยวของเรือเวสเตอร์ดัมพักที่โรงแรมสกคา อังกอร์ พนมเปญ เป็นเวลา 14 วัน แต่มีคำสั่งให้จัดรถทัวร์พาไปท่องเที่ยวและยังเตรียมจัดงานเลี้ยงให้แก่นักท่องเที่ยวพร้อมเชิญทูตจากประเทศต่างๆ มาร่วมงานเลี้ยงอีกด้วย

              ด้านสหรัฐฯ ส่งเครื่องบิน 2 ลำไปรับผู้โดยสารชาวอเมริกันบนเรือไดมอนด์ปริ๊นเซสที่ทางการญี่ปุ่นกักกันไว้ ซึ่งได้เดินทางถึงสหรัฐฯ แล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยลงจอดที่ฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ที่รัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเท็กซัส ซึ่งผู้โดยสารชาวอเมริกันเหล่านี้จะถูกกักตัวที่ฐานทัพเป็นเวลา 14 วัน เช่นเดียวกับรัฐบาลเกาหลีใต้แจ้งว่าจะส่งเครื่องบินไปญี่ปุ่นในเช้าวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เพื่อรับพลเมือง 4 คนที่อยู่บนเรือสำราญกลับประเทศ ขณะที่ญี่ปุ่นพบผู้โดยสารและลูกเรือจากเรือไดมอนด์ปริ๊นเซสติดเชื้อ 542 คน และพบผู้ติดเชื้อในหลายจังหวัดซึ่งเป็นผู้ที่ไม่เคยเดินทางไปจีน

 

 

 

              ส่วนท่าทีของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ความเสี่ยงที่เกิดจากการเดินทางด้วยเรือสำราญยังคงอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้และยังไม่ควรแนะนำให้มีการระงับการเดินทาง แม้ว่าผู้โดยสารกว่า 3,000 คนจากเรือสำราญ 2 ลำ ที่ถูกกักกันในช่วงก่อนหน้านี้จะก่อให้เกิดความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสก็ตาม โดยนายไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า เรามองว่าความเสี่ยงในขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ ทั้งนี้ การแพร่ระบาดส่วนใหญ่อยู่ในจีนและไม่ควรด่วนตัดสิน ถ้าระงับเรือสำราญทั้งหมดในโลกนี้เพื่อตัดโอกาสในการสัมผัสผู้ติดเชื้อก็ไม่ได้หมายความว่าจะควบคุมได้

              สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ทางการจีนรายงานสั้นๆ ว่า นพ.หลิว จื้อหมิง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ฮั่นอู่ชาง เสียชีวิตเมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ตามเวลาในจีน โดยสื่อในเทศบาลนครฉงชิ่งรายงานเป็นแห่งแรกอ้างว่าได้รับข่าวยืนยันจากแหล่งข่าวหลายคนว่า นพ.หลิว เสียชีวิตแล้ว โดยกรณีนี้ทำให้หลายคนนึกถึงกรณี นพ.หลี่ เหวินเลี่ยง จักษุแพทย์ในเมืองอู่ฮั่นที่เตือนเป็นคนแรกเรื่องโรคโควิด-19 แล้วถูกตำรวจตำหนิว่าเผยแพร่ข่าวเท็จ นพ.หลี่ ติดโรคนี้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ขณะที่ทางการจีนแถลงว่านับจนถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่แพทย์ติดเชื้อแล้ว 1,700 คน เสียชีวิต 6 คน

 

 

 

              ด้านคณะกรรมการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีนรายงานสถานการณ์ไวรัสทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 98 คนรวมเป็น 1,868 คนและผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 1,886 คนรวมเป็น 72,436 คน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นน้อยกว่าเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังรักษาหายแล้วอยู่ที่ 12,552 คน