ข่าว

กรมการแพทย์ เตือน Skullbreaker Challenge อันตรายถึงชีวิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมการแพทย์ เตือน การเล่น Tripping Jump Challenge หรือ Skull breaker Challenge อันตรายถึงชีวิต

 

               15 กุมภาพันธ์ 2563  นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เกมส์ Tripping jump challenge หรือ Skull breaker challenge เป็นการเล่นโดยมีลักษณะการเล่นคือ เด็ก 2 คน จะหลอกให้เพื่อนคนที่ 3 ยืนตรงกลาง กระโดดขึ้นพร้อมๆ กัน แล้วสองคนด้านข้างจะเตะตัดขาคนกลางให้ล้มลงหงายหลังลงกับพื้น ซึ่งเป็นการเล่นที่มีความเสี่ยงสูงมาก อาจจะเกิดอันตรายจากการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือกระดูกสันหลังส่วนต้นคอ ทำให้เกิดอันตราย ถึงกับอัมพาต หมดสติ และเสียชีวิตได้

อ่านข่าว - เตือน Skullbreaker Challenge เสี่ยงหัวฟาดพิการ - เสียชีวิต (มีคลิป)

 

 

 

               นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเล่นแบบนี้อันตรายมาก เนื่องจากคนที่ถูกทำให้ล้ม มีโอกาสที่ศีรษะจะกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ซึ่งมีโอกาสทำให้คนเล่นกะโหลกศีรษะแตก มีเลือดออกในสมอง เส้นประสาทสมองถูกทำลาย ทำให้หมดสติ หรือ โคม่า นอกจากนี้ บางรายอาจจะมีกระดูกคอเคลื่อน อาจเกิดขณะคอมีการแหงนเต็มที่ (hyperextension) ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต้นคอ มีการยืดออกอย่างมาก ทำให้บางส่วนฉีกขาด ทำให้เกิดภยันตรายที่เกิดการบาดเจ็บต่อไขสันหลังส่วนคอและเส้นประสาท ทำให้เกิดอัมพาต หรือถึงเสียชีวิตได้ หรือบางครั้งอาจทำให้เกิดกระดูกที่ต้นแขนหรือหัวไหล่หักหรือเคลื่อนหลุดได้ หรือการบิดของกระดูกคอจนหลุดหรือเคลื่อน ทำให้กดประสาทไขสันหลัง มีการอักเสบบวมภายในช่องกระดูกหลังยิ่งทำให้เกิดการหมุนเวียนของเลือดไม่ดี ก็ยิ่งก่อให้เกิดเลือดออกในไขสันหลัง จนเกิดอัมพาตหรือถึงแก่ชีวิตได้

 

 

 

กรมการแพทย์ เตือน Skullbreaker Challenge อันตรายถึงชีวิต

 

 

 

               นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเกิดกระดูกแขนหัก ถ้าเด็กตกลงในท่าเอาแขนกันไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก กรมการแพทย์ ขอเตือนให้ผู้ปกครองทุกท่าน จำเป็นต้องรีบเตือนลูกหลานทั้งหลายอย่าเล่นเกมส์อันตรายนี้อย่างเด็ดขาด และงดเผยแพร่วิดีโอนี้ เนื่องจากเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัยรุ่น ซึ่งอาจจะยังไม่รู้พิษภัยของการเล่นเกมส์ดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหลานของท่านเกิดอันตรายจากการเล่นเกมส์นี้

 

 

 

--------------------

ที่มา : กรมการแพทย์

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ