'กอลฟ์ ณัฐวุฒิ'ปัดมโนเป็นทายาทชุดนร.ตราสมอ

          เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยน พราวฟ้า (ทาวน์ อิน ทาวน์) นายณัฐวุฒิ กริตยอานนท์ หรือ กอลฟ์ พร้อมด้วยทนาย น.ส.วรวรรณ​ แสง​กระจ่าง​ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงประเด็นถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างเป็นทายาทชุดนักเรียนตราสมอ ทั้งที่เป็นลูกหลานตัวจริง

          นายณัฐวุฒิ  เปิดเผยว่า ตอนเด็กคุณแม่เล่าให้ฟังว่า ท่านคือลูกสาวสมอทอง ตนรับรู้และเข้าใจมาโดยตลอดว่าธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอของอากง (คุณสงวน ศิริปทุมมาศ พ่อของแม่ มีศักดิ์เป็นคุณตา) เป็นผู้ก่อตั้ง และพอมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตนยังไปถามแม่เพื่อความมั่นใจอีกรอบ ซึ่งท่านก็ตอบว่าอากงเป็นผู้ก่อตั้ง หากให้นับวงศาคณาญาติ คือ อากง  มีลูก 8 คน มีลูกสาว 2 คน เป็นพี่คนโต และน้องคนสุดท้องคือแม่ของตน และอีก 6 คนเป็นผู้ชาย 

          "บริษัท สมอทองการ์เมนท์ จำกัด ก่อตั้งโดยอากง และลูกชายอากง ทั้ง 6 คน ผมมานั่งดูข้อความที่สื่อสารกัน เขาว่าผมแอบอ้าง ตรงที่ว่าอากงไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง ผู้ที่ก่อตั้งคือ อากู๋ ซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ มีศักดิ์เป็นลุง ต่างหากที่เป็นผู้ก่อตั้ง เพราะฉะนั้นคุณเป็นเครือญาติก็จริง แต่ไม่ใช่ทายาท เพราะคุณไม่ใช่สายเลือดของคุณกิตติที่เป็นตัวอากู๋ ซึ่งย้อนกลับไปเป็นช่วงเวลาที่เขามีหลักฐานจะแจ้งผม โนติสผมว่าผมแอบอ้างตราสมอ ตั้งแต่ปี 2559 ตอนนั้นผมไปทำการตลาดให้แบรนด์อื่น นี่แล้วเวลาที่ผมออนสเตจหรือเป็นเทรนดิ้งสอน โดยเฉพาะคลาสแรก เราจำเป็นต้องแนะนำตัว ซึ่งเป็นการแนะนำตัวสั้นๆ 2-3 นาทีว่าเราเป็นใคร จบอะไร พ่อแม่ อากง อาม่าทำอะไร แต่เวลาออนสเตจเวทีใหญ่ๆ บางทีมันจะมีคลิป โพสต์ลงยูทูป ทีนี้คนก็ไปเขียนว่าทายาทตราสมอ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราว ในความเข้าใจผมข้อมูลนั้นไม่ได้ผิด แต่ในข้อมูลทางเขา ผมไม่รู้ และไม่ได้แก้อะไร จนกระทั่งเขามีโนติสมาเตือนผม แต่ผมดันไม่ได้โนติสอันนี้ เพิ่งจะเห็นในเพจเขานี่แหละว่ามีโนติสตั้งแต่ปี 2559 และไม่ได้โทรมาด้วย" นายณัฐวุฒิ อธิบาย

          นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า กระทั่งปี 2560 - 2561 ไฟไหม้บ้าน ไหม้รถปอร์เช่ สื่อก็เอาไปลงว่ารถปอร์เช่ตระกูลตราสมอไฟไหม้ ตนงงมาก นักข่าวรู้ได้อย่างไร ทั้งที่ไม่ได้สัมภาษณ์ผม เหตุเกิดตอน 7 โมงเช้า ไม่เกิน 9 โมง ข่าวออก และช่วงบ่ายจึงมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ตนก็เล่าแค่เหตุการณ์ว่า เกิดอะไรขึ้น ถัดจากนั้นอีก 3-4 วัน เขาให้ทนายโทรมาคุยกับตนว่าทำให้ข่าวกับสื่อแบบนั้น เลยชี้แจงไปว่า ตนไม่เคยพูดกับสื่อเลย แต่เพื่อความสบายใจ ตนจะถูกเชิญไปออกรายการเล่นใหญ่จัดใหญ่ พิธีกรเป็นพี่บุ๋ม ปนัดดา ซึ่งจะชี้แจงว่าไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ และทางทนายก็โอเค
 
          "ผ่านมา 2 ปี จนถึงปัจจุบัน ไม่มีเรื่องอะไรเลย เพราะผมเองก็ไม่ได้ใช้แบรนดิ้งอะไรที่เกี่ยวกับตราสมอในการทำการตลาดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาผมอยู่ในทีมการตลาดของคนอื่น จนกระทั่ง 3 เดือนที่ผ่านมาผมมาทำการตลาดให้ตัวเองเลยต้องโปรโมต และทำการตลาด ซึ่งมีทีมหลายสิบคน ต่างคนต่างทำการตลาด มีบางคอนเท้นต์ที่หยิบเอาคำว่าทายาทตราสมอไปใช้ จึงเกิดประเด็นนี้ขึ้นมา ผมมองว่าถ้าเขาแจ้งผมว่า หลานอย่าใช่คำนี้เลย ผมก็เข้าใจได้ แต่ไม่มีการติดต่อมา มารู้อีกทีคือเกิดเรื่องราวตามสื่อ และทุกครั้งที่ผมไปออกรายการผมจะพูดประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ว่าตอนนี้อากงเป็นผู้ก่อตั้ง ตอนนี้เป็นของลูกชายคนโตดูแล คุณแม่ผมแต่งงานออกไปทำธุรกิจส่วนตัว แบบนี้หมด เพราะทุกอย่างคือเรื่องจริงครับ" นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย