ข่าว

บทเรียนโคราช กสทช.เร่งทำกติกาคุมสื่อล้ำเส้น 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทเรียนโคราช กสทช. ถกตัวแทนทีวีดิจิตอล เร่งวางกติกาคุมสื่อล้ำเส้น ปัดตอบลงโทษ กลุ่ม OTT 

 

               กสทช.เชิญตัวแทนทีวีดิจิตอลหารือวางกติกาการรายงานข่าวในภาวะวิกฤติ หลังสื่อโทรทัศน์ช่องหลักถูกวิจารณ์หนักจากเหตุโศกนาฏกรรมโคราช ตั้งเป้าคลอดหลักเกณฑ์ใหม่ได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ ปัดตอบลงโทษ "สื่อล้ำเส้น" อย่างไร พร้อมยอมรับไร้อำนาจจัดการกลุ่ม OTT 


อ่านข่าว เพิ่มโทษหนักเอาผิด เกรียนโซเชียลฯ หลังเหตุรุนแรงโคราช

 

               วันที่ 11 ก.พ.2563 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้เชิญผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล หรือ "ตัวแทนทีวีดิจิตอล" เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการนำเสนอข่าวในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมี พลโทพีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. เป็นประธาน 

 

               สำนักงาน กสทช.ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือเชิญว่า ตามที่มีเหตุโศกนาฏกรรมที่ จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 8-9 ก.พ.2563 และปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์บางรายได้นำเสนอรายการข่าวด้วยรูปแบบการรายงานสด ไลฟ์สด รายงานสถานการณ์และข้อมูลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง 

 

บทเรียนโคราช กสทช.เร่งทำกติกาคุมสื่อล้ำเส้น 

 

               ซึ่งอาจกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของประชาชนในบริเวณโดยรอบ ตลอดจนก่อผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทางสำนักงาน กสทช.จึงต้องจัดประชุมเพื่อวางแนวทางการนำเสนอข่าวในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากตัวแทนทีวีดิจิตอลเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง

 

               พลโทพีระพงษ์ กล่าวว่า การรายงานข่าวและการออกอากาศในยามวิกฤติที่เกิดขึ้นที่โคราชของสื่อทีวีดิจิตอลซึ่งเป็น "สื่อหลัก" นั้น มีประเด็นที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม 4 ประเด็นด้วยกัน คือ

 

               1. การไลฟ์สดปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงซึ่งใช้โซเชียลมีเดียตลอดเวลาสามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ได้ผ่านการติดตามรายงานสด

 

บทเรียนโคราช กสทช.เร่งทำกติกาคุมสื่อล้ำเส้น 

 

               2. มีการนำเสนอภาพผู้ก่อเหตุซ้ำๆ ในหลายแง่มุม ซึ่งหากไม่ระมัดระวังเพียงพอ อาจส่งผลข้างเคียงทำให้ผู้ก่อเหตุกลายเป็นฮีโร่ในสายตาคนบางกลุ่ม 

 

               3. มีการเสนอภาพความรุนแรงจำนวนมาก จนอาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบตามมา นอกจากนั้นยังมีการนำเสนอภาพความรุนแรงซ้ำๆ แม้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว อาจส่งผลทำให้ผู้รับสื่อโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึมซับความรุนแรง และมองความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ

 

บทเรียนโคราช กสทช.เร่งทำกติกาคุมสื่อล้ำเส้น 

 

               4. การทำกราฟฟิกหรือจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงที่ละเอียดชัดเจนเกินไป อาจก้าวข้ามนิยามของการรายงานข่าว กลายเป็นแนะนำวิธีการในการกระทำความผิดหรือก่อเหตุรุนแรง

 

               จากสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น พลโท พีระพงษ์ บอกว่า หลังจากนี้จะเชิญผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่ายมาร่วมกันยกร่างกฎเกณฑ์การรายงานข่าวในภาวะวิกฤติ โดยจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์ และจะเชิญตัวแทนทีวีดิจิตอลในฐานะผู้ปฏิบัติ มาร่วมกันวิจารณ์และเสนอแนะว่าสามารถยอมรับกฎเกณฑ์ใหม่ได้หรือไม่ หรือจะมีข้อเสนอเพิ่มเติมอย่างไร

 

               "แนวทางคือจำกัดเสรีภาพบางส่วน เพื่อสังคมส่วนใหญ่" พลโท พีระพงษ์ ระบุ 

 

บทเรียนโคราช กสทช.เร่งทำกติกาคุมสื่อล้ำเส้น 

 

               ส่วนการดำเนินการตรวจสอบเพื่อลงโทษสื่อทีวีดิจิตอลบางช่องที่ออกอากาศเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยเฉพาะใน 4 ประเด็นที่เป็นปัญหาถูกวิพากษ์วิจารณ์นั้น พลโท พีระพงษ์ บอกว่า จะเรียกตัวแทนทีวีดิจิตอลช่องที่กระทำการเข้าข่ายเป็นความผิดมาชี้แจงเป็นรายช่องในวันพุธหน้า แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ามีช่องใดบ้าง

 

               ภายหลังการประชุมได้มีการเปิดแถลงข่าว และเปิดให้สื่อมวลชนและตัวแทนทีวีดิจิตอลได้สอบถาม ปรากฏว่าคำถามที่ถามกันมากที่สุดคือ จะมีมาตรการลงโทษสื่อทีวีที่ออกอากาศเนื้อหาสาระเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างไร เพราะตามกฎหมายมีโทษทั้งปรับ และสั่งระงับออกอากาศชั่วคราว หรือแม้กระทั่งสั่งระงับใบอนุญาตได้ 

 

บทเรียนโคราช กสทช.เร่งทำกติกาคุมสื่อล้ำเส้น 

 

               ประเด็นนี้ พลโท พีระพงษ์ บอกว่า มีกฎหมายและขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว คือ มาตรา 37 พระราชบัญญัติการประกอบกิจการระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 แต่ส่วนตัวไม่อยากให้ใช้โทษปรับ หรือใช้บทลงโทษที่รุนแรงกว่านั้น แต่จะเน้นวิธีการตักเตือนและสร้างความเข้าใจเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานร่วมกันได้ในแนวทางที่ถูกต้องมากกว่า 

 

               มีคำถามเกี่ยวกับมาตรการที่ กสชท.จะดำเนินการตรวจสอบการนำเสนอเนื้อหาผ่าน OTT หรือคอนเทนท์ที่เผยแพร่โดยตรงผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ผ่านสื่อกระแสหลักหรือทีวีดิจิตอลช่องหลัก เพราะเนื้อหาในส่วนนี้มีปัญหามากกว่าสื่อกระแสหลัก และบางครั้งสื่อหลักยังถูกมองเหมารวมในแง่ลบไปด้วยนั้น

 

บทเรียนโคราช กสทช.เร่งทำกติกาคุมสื่อล้ำเส้น 

 

               ประเด็นนี้ พล.ท.พีระพงษ์ บอกว่า จะมีการร่างกติกาแยกอีกส่วนหนึ่ง แต่ก็ยอมรับว่า กสทช.ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับดูแล OTT จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ กระทรวงดีอีเอส ซึ่งที่ผ่านมาก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดการกับเฟคนิวส์ หรือ "ข่าวปลอม" เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่า 

 

               ขณะที่ ผศ.ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช.อีกรายหนึ่ง กล่าวว่า มาตรการที่จะออกมาควบคุม จะแยกส่วนกันระหว่างทีวีช่องหลัก กับ OTT และแน่นอนว่าความเป็นทีวีดิจิตอลช่องหลักย่อมถูกควบคุมตรวจสอบมากกว่า ถือว่ามีความรับผิดชอบมากกว่า

 

บทเรียนโคราช กสทช.เร่งทำกติกาคุมสื่อล้ำเส้น 

 

               ฉะนั้นในกติกาการรายงานข่าวในภาวะวิกฤติ สื่อหลักก็จะต้องได้รับสิทธิในการรายงานมากกว่า OTT ที่มีความรับผิดชอบน้อยกว่า ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ขอให้ผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณากำหนดในหลักเกณฑ์ที่จะออกมาในเร็วๆ นี้ 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ