เข้มฝุ่นพิษกรุง สั่งหยุด 3 วัน โปรเจ็กต์ก่อสร้าง คลุ้งเกินมาตรฐาน 53 สถานี
กทม.สั่งหยุดก่อสร้างในเมืองกรุง 3 วัน 4-6 ก.พ.นี้ รวมถึงรถไฟฟ้า-อาคารสูง เพื่อลดฝุ่นพิษ พีเอ็ม 2.5 ในเมืองหลวง-ปริมณฑลที่กลับมาฟุ้งหนักกว่า 50 เขต ชี้ช่วงนี้สภาพอากาศปิด “บิ๊กตู่” ขู่ “รองนายกฯ-รมต.-ผู้ว่าฯ” ร่วมแก้ปัญหา แก้ไม่ได้ต้องพิจารณา ลั่นรัฐบาลต้องรับผิดชอบไม่โทษประชาชน
อ่านข่าว-กทม.ฝุ่นพุ่ง 36 เขต
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหาร กทม. ครั้งที่ 3/2563
นางจินดารัตน์ ชโยธิน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง และน.ส.อรพินทร์ เพชรทัต คณะโฆษกของกทม. ได้แถลงผลการประชุมว่า ในที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
โดยพบว่าระยะนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีความกดอากาศสูงเข้ามาปกคลุมโดยเฉพาะในช่วงเช้าถึงเที่ยง ประกอบกับลมมีกำลังอ่อนลงทำให้ไม่สามารถกระจายฝุ่นในพื้นที่ออกไปได้ ดังนั้นในช่วง 2-3 วันหลังจากนี้ ค่าฝุ่นละอองจะมีปริมาณสูงขึ้น
ที่ผ่านมา กทม.ได้ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการตรวจจับรถควันดำ โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ถึงเดือนมกราคม 2563 สามารถตรวจจับรถควันดำได้ 29,513 คัน เฉพาะวันที่ 31 มกราคม ตรวจจับรถควันดำได้ 520 คัน
รวมทั้งมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง การประสาน ขสมก.เพื่อล้างท่อไอเสียของรถร่วมบริการทั้งหมด โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รวมถึงมาตรการประสานกรมโรงงานเพื่อตรวจปล่องของโรงงานไม่ให้ปล่อยฝุ่นละออง หากพบว่ามีการปล่อยฝุ่นละอองเกินมาตรฐานจะสั่งให้หยุดทำงานเพื่อแก้ไขทันที
อย่างไรก็ดีคณะผู้บริหารกทม.เห็นว่าการก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด มีส่วนทำให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองได้เช่นกัน ทั้งการก่อสร้างรถไฟฟ้าและการก่อสร้างทั่วไป ดังนั้นจึงมีมติสั่งการให้ “หยุดการก่อสร้างในกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดฝุ่นละออง ตั้งแต่วันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 7 สายในพื้นที่กรุงเทพฯและการก่อสร้างอาคารสูง รวมถึงแพนท์ปูน”
ทั้งนี้หากคุณภาพอากาศดีขึ้นทุกโครงการสามารถกลับมาดำเนินการก่อสร้างได้ตามปกติ สำหรับกิจกรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการก่อสร้าง อาทิ การตกแต่งภายในของอาคารต่างๆ ยังสามารถดำเนินการได้ นอกจากนี้ กทม.จะดำเนินมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย ได้แก่ การติดปริงเกอร์พ่นละอองน้ำและการฉีดน้ำล้างถนน
สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรมควบคุมมลพิษได้รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลา 07.00 น. จำนวน 56 สถานี ตรวจวัดค่าได้ 42–77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. พบปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่จากเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นพื้นที่สีส้ม 53 พื้นที่
ต่อมาเวลา 12.00 น. ตรวจวัดค่าได้ 43–89 มคก./ลบ.ม. มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเช้ามากนัก เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พื้นที่สีส้ม 54 พื้นที่ ประชาชนควรลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งนี้ คพ.จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการควบคุม กำกับ ดูแล ภารกิจตามมาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติอย่างเร่งด่วนต่อไป
เวลา 17.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อหารือและสอบถามการแก้ปัญหาหมอกควันและปริมาณฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 เกินค่ามาตรฐานว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นข้อมูล แต่การแก้ปัญหาต้องมองที่การแก้ปัญหาระยะยาว หากจะทำอะไรทันที เช่น ให้ยกเลิกใช้รถยนต์เก่า รถที่ไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนจะได้รับผลกระทบ
ทุกคนรู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร แต่เราจะทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนด้วยแผนระยะยาว เพราะถ้าทำอะไรพรึ่บพรั่บไม่ได้เราต้องแก้ตามาตรการที่เหมาะสม กฎหมายมีทุกตัว ถ้าใช้ทั้งหมดจะมีปัญหาหรือไม่ เราจึงต้องใช้กฎหมายที่สำคัญ เช่น จับรถควันดำ เพราะถ้าจะยกเลิกรถยนต์เก่าทั้งหมดมันเดือดร้อน
“วันนี้ย้ำเตือนผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ทุกกระทรวง รัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีทุกคน จะต้องรับผิดชอบทุกเรื่องในการแก้ปัญหาให้ได้ผลเร็วที่สุด ต่อไปนี้ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นและไม่สามารถแก้ไข โดยที่ไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอ ผมจะต้องพิจารณาความเหมาะสมในการทำงานของท่าน
เพราะรัฐบาลไม่เคยโทษประชาชน เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล แต่ประชาชนต้องเข้าใจในการทำงานของรัฐบาลและร่วมมือกันแก้ปัญหา ขออย่าตื่นตระหนกและที่สำคัญจะต้องระมัดระวังและดูแลตัวเอง” นายกฯ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง