ข่าว

สะเทือนสตช."บิ๊กแป๊ะ" ตั้งลูก ย่ำยีอาวุโส

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตบตานายกฯ สตช.ยัดไส้คณะรัฐมนตรี "บิ๊กแป๊ะ" ตั้งลูก ย่ำยีอาวุโส

 

               กลายเป็นประเด็นร้อนทำให้ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” (สตช.) ถูกตั้งคำถามอีกครั้งที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรรณรัตน์ รองผู้บังคับการกองอำนวยการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รอง.ผบก.อก.บชภ.9) ยื่นฟ้องหัวเรือใหญ่ของวงการสีกากีในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่กรณีโยกย้ายไม่เป็นธรรมต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งการฟ้องร้องดังกล่าวศาลให้ สตช.ส่งข้อมูลชี้แจงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจไม่เป็นธรรมภายใน 30 วัน

อ่านข่าว-"บิ๊กแป๊ะ" รูดซิปปากปล่อย สตม. แก้เกี้ยว 3 โครงการฉาว

 

               เรียกว่า “ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก” สำหรับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ และสตช. เพราะล่าสุดมีรายงานว่า “การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ” ในปี 2562 สตช.แต่งตั้งนายตำรวจโดย “ไม่ได้ยึดระบบกฎเกณฑ์หลักความอาวุโส” ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมา และที่สำคัญยังเป็นการฝืนหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโสตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

 

               ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นคือหนึ่งในนายตำรวจที่ถูกเลื่อนยศและปรับตำแหน่งให้สูงขึ้นทั้งที่การถือครองตำแหน่งยังไม่เข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาของสตช.กลับมีชื่อของ “ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา” รองสารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศกองบัฐชาการตำรวจตระเวนชายแดน “บุตรชาย” คนโตของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ รวมอยู่ในกลุ่มด้วย

 

               โดยการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา ร.ต.อ.ชานันท์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสารวัตร โดยดำรงตำแหน่ง “ผู้บังคับการกองร้อย (สบ 2) กองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน” ทั้งที่ยังดำรงตำแหน่งรองสารวัตรไม่ครบ 7 ปี ตามหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายของสตช.

 

               ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวถูกคนในแวดวงสีกากีตั้งข้อสงสัยอย่างหนักเกี่ยวกับการเลื่อนยศเป็นสารวัตรทั้งที่ ร.ต.อ.ชานันท์ เป็นรองสารวัตรยังไม่ครบ 7 ปี เมื่อสืบลึกลงไปพบว่าการเลื่อนยศเป็น พ.ต.ต.ของบุตรชายคนโตของผบตร.นั้น สตช.ใช้วิธพิเศษด้วยการยื่นเรื่องให้ “คณะรัฐมนตรี” ของ พล.ต.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาเพื่อมีมติให้ยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส

 

               ภายหลังการชงเรื่องดังกล่าวต่อมาครม.มีมติในวันที่ 30 เมษายน 2562 โดย “อนุมัติยกเว้น” การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่มิได้เป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 จำนวน 4 ราย ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอมา ประกอบด้วย 1.พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติไม่ครบ 1 ปี

 

               2.พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีอายุไม่ครบห้าสิบเก้าปีบริบูรณ์ และมีเวลาราชการ เหลือเกินกว่าหกเดือน 3.พล.ต.ท.พรหมธร ภาคอัต ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีอายุไม่ครบห้าสิบเก้าปีบริบูรณ์ และมีเวลาราชการเหลือเกินกว่าหกเดือน และ 4. ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย (สบ 2) กองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งรองสารวัตรไม่ครบ 7 ปี

 

               เมื่อย้อนดูประวัติการเข้ารับราชตำรวจของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพล.ต.อ.จักรทิพย์ พบว่า ร.ต.อ.ชานันท์ ครองยศในตำแหน่งรองสารวัตรเพียงแค่ 3 ปีกว่าๆ เท่านั้น โดยจบจากคณะเทคโนโลยีการจัดการ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และปริญญาโทที่ Bournemouth University ประเทศอังกฤษ

 

               จากนั้นบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนยศ ร.ต.ต. ในตำแหน่งรองสารวัตรประมาณปี 2559 จากนั้นภายในระยะเวลาไม่ถึง 4 ปี ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ร.ต.อ. ก่อนที่ในปี 2562 จะได้รับการแต่งตั้งเป็นสารวัตรดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย (สบ 2) กองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

 

               ทั้งนี้หากดูคำประกาศราชกิจจานุเบกษาเรื่อง กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ประกาศเอาไว้ว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 31 (2) มาตรา 45 วรรคหนึ่ง และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 44/2558 ลงวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2558 ประกอบกับมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2561 จึงออกกฎ ก.ตร. ไว้ 

 

               เมื่อศึกษาดูจากกฎ ก.ตร. ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาดังกล่าว จะมีระเบียบที่เกี่ยวเนื่องกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะข้อ 14 การคัดเลือกหรือแต่งตั้งที่มิได้เป็นไปตามกฎ ก.ตร.นี้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร. และในกรณีมีข้อสงสัยหรือมีปัญหาการตีความตามกฎ ก.ตร.นี้ ให้เสนอ ก.ตร. พิจารณาวินิจฉัย คำวินิจฉัยของ ก.ตร. ให้เป็นที่สุด

 

               ส่วนการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตั้งแต่ระดับจเรตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงมาถึงระดับสารวัตร ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาจากผู้ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ระดับตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนเป็น จตช. และรอง ผบ.ตร. ยศ พล.ต.ท. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 1 ปี

 

               ผบช. เลื่อนเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ยศ พล.ต.ท. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 1 ปี รอง ผบช. เลื่อนเป็น ผบช. ยศ พล.ต.ต. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 1 ปี ผบก. เลื่อนเป็น รอง ผบช. ยศ พล.ต.ต. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 2 ปี รอง ผบก. เลื่อนเป็น ผบก. ยศ พ.ต.อ. ซึ่งได้รับอัตราเงินเดือน พ.ต.อ.(พิเศษ) ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 5 ปี และมีคุณสมบัติครบถ้วนตากหลักเกณฑ์การเลื่อนยศเป็น พล.ต.ต.

 

               “ขณะที่ ผกก. เลื่อนเป็น รอง ผบก. ยศ พ.ต.อ. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 5 ปี รอง ผกก. เลื่อนเป็น ผกก. ยศ พ.ต.ท. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 4 ปี สว. เลื่อนเป็น รอง ผกก. ยศ พ.ต.ท. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 6 ปี ส่วน รอง สว. เลื่อนเป็น สว. ยศ ร.ต.อ. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับไม่น้อยกว่า 7 ปี”

 

               ขณะเดียวกันยังมีข้อ 24 ที่ระบุด้วยว่า การพิจารณาผู้เหมาะสมที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตั้งแต่ระดับสารวัตรถึงผู้บัญชาการตามข้อ 23 ให้พิจารณา โดยคำนึงถึงอาวุโส ประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงานความประพฤติ และความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยให้เป็นไปตามแนวทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด นอกจากนี้ข้อ 28 มีใจความเกี่ยวกับการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นให้พิจารณาว่า ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสจำนวนร้อยละ 33 จำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละระดับตำแหน่งในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และของหน่วยงานนั้น

 

               การแต่งตั้ง ร.ต.อ.ชานันท์ ขึ้นเป็นสารวัตรทั้งที่ครองยศรองสารวัตรไม่ครบ 7 ปีถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความโปร่งใส และแม้ว่าการแต่งตั้งดังกล่าวจะมีมติครม.ออกมารองรับเพื่อให้เกิดความความชอบธรรมในทางกฎหมายก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติการแต่งตั้งบุตรชายของ ผบ.ตร. ถือเป็นการกระทำที่แหกหลักเกณฑ์เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายภายในสตช.อย่างมาก เพราะต้องไม่ลืมว่าในสตช.ยังมีตำรวจหลายนายที่ต้องอกหักไม่ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งทั้งที่ครองยศและดำรงตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ความอาวุโสถูกต้องครบถ้วนทุกอย่าง

 

               สิ่งที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ และสตช. ควรมีคำตอบที่ชัดเจนให้แก่นายตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาที่เสียโอกาส และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ผบ.ตร.ต้องมีคำตอบกับสังคมให้ได้ว่าบุตรชายของท่านปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมขนาดไหนถึงได้ขี่พายุทะลุฟ้าเลื่่อนยศเลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรข้ามหัวนายตำรวจท่านอื่นทั้งที่ความอาวุโสยังน้อยนิดกระจ้อยร่อยเท่านั้น...?

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ