ข่าว

หมอราชวิถีคิดสูตรยารักษาหายภายใน 48 ชม.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฟิลิปปินส์ผวาเหยื่อโคโรน่าตายนอกจีนรายแรก หมอไทยเจ๋งรักษาหายใน 48 ชม. - ตรวจสุขภาพฟรีแท็กซี่ 3 พันคัน

 

               พบหนุ่มฟิลิปปินส์ป่วยไวรัสโคโรน่าเสียชีวิตรายแรกนอกแผ่นดินจีน ขณะที่หมอ รพ.ราชวิถีคิดสูตรรักษา ใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ร่วมกับยาต้านไวรัสเอดส์ คนอาการรุนแรงหายภายใน 24 ชั่วโมง กักบริเวณ 34 นศ.เทคนิค กลับจากฝึกงานมณฑลหูหนาน เฝ้าดูอาการ 14 วัน ยอดตายพุ่ง 304 คน หวัดนกระบาดซ้ำ

อ่านข่าว-สื่อนอกกระพือข่าว"หมอไทยเก่งมาก"คิดสูตรพิฆาตไวรัสโคโรน่า

 

               ความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 และการช่วยเหลือคนไทยในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน กลับเมืองไทย ซึ่งล่าสุดทางการจีนไฟเขียวให้รัฐบาลไปรับคนไทยกลับจากเมืองอู่ฮั่นแล้วในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ขณะที่จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตยังเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน 

 

               ล่าสุดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) แจ้งว่าทางการฟิลิปปินส์ออกมายืนยันมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายแรกของประเทศ และถือเป็นรายแรกนอกประเทศจีน เป็นชายชาวจีนวัย 44 ปี ที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นและคาดว่าน่าจะติดเชื้อก่อนเดินทางไปถึงประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมหญิงสาวอู่ฮั่นอีกคนที่เดินทางมาด้วย โดยพบว่าคนไข้สิ้นใจทั้งที่ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว

 

               ราบินดรา อาเบยาซิงห์ ตัวแทนของฮู ประจำประเทศฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้ถือเป็นคนแรกนอกประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตามต้องเน้นย้ำว่าผู้เสียชีวิตรายนี้ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อจากในพื้นที่ประเทศฟิลิปปินส์เพราะเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรค

 

               ด้านนายฟรานซิสโก ดูเก รัฐมนตรีสาธารณสุขของฟิลิปปินส์ แจ้งว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เดินทางถึงฟิลิปปินส์พร้อมกับหญิงสาวชาวจีนวัย 38 ปี ที่พบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายแรกของฟิลิปปินส์ และมีอาการดีขึ้นแล้ว

 

               โดยชายคนนี้เดินทางจากอู่ฮั่น ผ่านฮ่องกงมายังฟิลิปปินส์ หลังจากถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลในกรุงมะนิลา ด้วยอาการไข้สูง ไอ เจ็บคอ วันที่ 25 มกราคม จากนั้นเริ่มแสดงอาการปอดบวมขั้นร้ายแรง ต่อมาเมื่อได้รับการรักษาอาการทรงและเริ่มดีขึ้น แต่จู่ๆ อาการกลับทรุดลงภายใน 24 ชั่วโมง จึงเสียชีวิต

 

               สำหรับหญิงสาวที่มาด้วยอายุ 38 ปี เข้าโรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ก่อน และตรวจพบว่าติดเชื้อเช่นกัน ขณะนี้ยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลที่แยกบริเวณภายในเขตกรุงมะนิลา นอกจากนี้ทางการฟิลิปปินส์ใช้มาตรการรับมือด้วยการเลื่อนเปิดเรียน ปิดล้อมบริเวณที่พบการติดเชื้อและอนุญาตให้สมาชิกจากครอบครัวแต่ละครอบครัวเป็นตัวแทนออกมาซื้อของได้เพียงคนเดียว

 

               ส่วนประธานาธิบดี โรดริโก ดูแตร์เต อนุมัติมาตรการห้ามนักท่องเที่ยวทุกชาติ ยกเว้นฟิลิปปินส์ที่มาจากจีนเข้าประเทศ เป็นมาตรการเดียวกับที่สหรัฐ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ใช้ในขณะนี้

 

               ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทย นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช อายุรแพทย์โรคปอด และเป็นนายแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลราชวิถี พร้อม รศ.นพ.สืบสาย คงแสงดาว นายแพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลราชวิถี ได้ออกมาเปิดเผยผลสำเร็จในการใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่และยาต้านไวรัสเอดส์ กำจัดไวรัสโคโรนาจากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจและอาการดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง

 

               นพ.เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า แพทย์พยายามรักษาคนไข้ที่ติดเชื้อด้วยอาการรุนแรง พบว่ามีผลค่อนข้างน่าพอใจ ซึ่งคนไข้มีอาการดีขึ้นค่อนข้างรวดเร็วภายใน 48 ชั่วโมง ผลตรวจโคโรนาไวรัสจากบวกกลายเป็นลบ ดังนั้นจึงถือเป็นแนวทางที่ดี

 

               เนื่องจากการรักษาก่อนหน้านี้ คนไข้อาการแย่ลงเรื่อยๆ ค่าการอักเสบในเลือดสูงขึ้นทุกวัน และมีแนวโน้มจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่หลังจากที่ให้ยาไปล่าสุด ปรากฏว่าคนไข้มีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจากเดิมที่พบเชื้อมาตลอด 10 วัน ปรากฏว่าตอนนี้ไม่พบเชื้อแล้ว

 

               รศ.นพ.สืบสาย กล่าวเสริมว่า กระบวนการรักษาเราได้ใช้ยาของไทยที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกร โดยใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่และยาต้านไวรัสเอดส์รวมกัน ทำให้คนไข้มีอาการดีขึ้น

 

               วันเดียวกัน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข แถลงรายงานสถานการณ์ของประเทศไทยว่า สถานการณ์ถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลา 08.00 น. มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อขณะนี้นอนในโรงพยาบาล 11 ราย กลับบ้านแล้ว 8 ราย รวมสะสม 19 ราย

 

               โดยมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 382 ราย คัดกรองจากสนามบิน 40 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 342 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 71 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 311 ราย โดยวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่ 38 ราย

 

               นพ.โสภณ กล่าวว่า วันนี้ได้รับข่าวดี ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อปอดอักเสบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หายดี กลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย เป็นคนจีน ที่เหลืออาการดีขึ้น ไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม กระทรวงสาธารณสุขยังคงมาตรการคัดกรองเข้มในท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่ง ผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่ระบาดทุกคนจะต้องผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายอัตโนมัติ ซึ่งมีหลายรูปแบบทั้งเครื่องระบบอินฟราเรด เครื่องวัดอุณหภูมิแบบมือถือ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองช่วยสังเกตอาการ พร้อมแจกคำแนะนำสุขภาพ

 

               "ส่วนการเตรียมความพร้อมรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น ประเทศจีน จะมีการประชุมร่วมกับกรมการกงสุล ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมและให้ได้แนวทางที่ดีที่สุด ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบดูแลสุขภาพเจ้าหน้าที่ทุกคน และเจ้าหน้าที่สายการบินที่เดินทางไปรับรวมทั้งคนไทยที่จะเดินทางกลับจากอู่ฮั่น ด้วยมาตรการคัดกรอง ระบบป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานสูงสุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกคนมีความปลอดภัย กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

 

               เราเตรียมพร้อมทีมแพทย์ไทย มีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และการป้องกันควบคุมโรค ให้การดูแลตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน คนไทยที่เดินทางกลับมีความปลอดภัยสูงสุด และประชาชนในประเทศต้องปลอดภัยด้วย” นพ.โสภณ กล่าว

 

               ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลา 14.30 น.

 

               โดยจะมีบรรดากระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามผลการดำเนินงานแต่ละด้านในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีจะประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อสอบถามสถานการณ์และการดำเนินงานของแต่ละจังหวัดด้วย รวมถึงจะหารือรายละเอียดของแผนงานที่ชัดเจนสำหรับการดูแลคนไทยที่จะเดินทางมาโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำจากเมืองอู่ฮั่นกลับมาถึงประเทศไทยในคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ด้วย

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากกรณีนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิควาปีปทุม 34 คน เดินทางไปฝึกงานด้านรถไฟความเร็วสูงและระบบขนส่งทางรางที่มลฑลหูหนาน ประเทศจีน ต้องเดินทางกลับก่อนกำหนดหลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

 

               โดยล่าสุดนักศึกทั้งหมดเดินทางถึงไทยแล้วและทั้งหมดผ่านการตรวจสุขภาพตั้งแต่ลงจากเครื่องที่สนามบินและได้รับการตรวจสุขภาพซ้ำอีกครั้งจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ พร้อมแจ้งให้ผู้ปกครองกักบริเวณบุตรหลานภายในบ้านพักเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสังเกตอาการและรายงานผลให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทราบ ซึ่งเป็นมาตรการด้านควบคุ้มความปลอดภัยจากการติดเชื้อโคโรนา

 

               นายทองจันทร์ ปทุมโฉม ผอ.วิทยาลัยเทคนิควาปีปทุม เปิดเผยว่า นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคที่เดินทางไปฝึกงานและเรียนที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มลฑลหูหนาน ประเทศจีน ซึ่งห่างจากมลฑลอู่ฮั่นประมาณ 700-800 กิโลเมตร และจะมีกำหนดกลับในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ขอกลับก่อนในวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา เนื่องจากทางวิทยาลัยและผู้ปกครองต่างเป็นห่วงนักศึกษา

 

               ซึ่งนักศึกษาทั้งหมดเดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศจีนถึงสนามบินดอนเมืองในเวลา 11.00 น วันที่ 1 กุมภาพันธ์ และผ่านการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน หลังจากนั้นวิทยาลัยได้นำรถไปรับกลับมาถึงวิทยาลัยเมื่อเวลา 02.00 ที่ผ่านมา โดยมีแพทย์จากโรงพยาบาลวาปีปทุมมาตรวจสุขภาพซ้ำอีกครั้งแต่ก็ไม่พบเด็กมีอาการไข้แต่อย่างไร ส่วนนักศึกษาทั้ง 34 คน กลับไปพักผ่อนที่บ้านและต้องรายงานตัวกับสถานพยาบาลเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอดทั้ง 14 วัน

 

               อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ประกาศจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการยืนยันผลอยู่ที่ 14,380 ราย (ตัดมณฑลกวางตงออก 1 ราย) และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตอยู่ที่ 304 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวันเสาร์ 1 กุมภาพันธ์

 

               ขณะที่กระทรวงเกษตรจีนรายงานการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่ฟาร์มไก่ในเมืองเชาหยาง มณฑลหูหนาน หลังจากไก่ในฟาร์มแห่งนี้ตายจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 ไปแล้ว 4,500 ตัวจากทั้งหมด 7,850 ตัว ซึ่งทางการท้องถิ่นจีนสั่งฆ่าสัตว์ปีก 17,828 ตัว เพื่อป้องกันการระบาดเป็นวงกว้าง แม้ว่ายังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกจากการระบาดรอบนี้

 

               ขณะเดียวกันนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อสร้างความตระหนักในการป้องกัน ควบคุมโรค ลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเดินหายใจ สร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้ผู้ขับรถแท็กซี่และผู้โดยสาร เฝ้าระวังป้องกันโรคและภัยสุขภาพและอุบัติเหตุบนท้องถนน กรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือให้กลุ่มผู้ประกอบอาชีพเดินรถสาธารณะป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ส่งผู้โดยสาร

 

               ซึ่งได้ประสานบุคลากรทางการแพทย์ให้บริการตรวจสุขภาพและประเมินความพร้อมด้านร่างกายของผู้ขับรถแท็กซี่ก่อนการขับขี่ ภายใต้แนวคิด “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยวมั่นใจ ปลอดภัย ปลอดโรค” ให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอกซเรย์ปอด ทดสอบการมองเห็นระยะไกล โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บริเวณอาคาร 4 ชั้น 1 กรมการขนส่งทางบก

 

               ทั้งนี้ ในปี 2563 ตั้งเป้าให้บริการตรวจสุขภาพแก่ผู้ขับรถแท็กซี่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนกว่า 3,000 คน โดยผู้ขับรถแท็กซี่สามารถใช้บริการได้ ณ สถาบันของกรมควบคุมโรค ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร สถาบันราชประชาสมาสัย สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ทีโอที อคาเดมี โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ตามกำหนดการที่ให้บริการ หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร.1584

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ