ข่าว

บิ๊กตู่ ยันคุมได้ ยกระดับเฝ้าระวัง เข้มการข่าวไวรัสโคโรน่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บิ๊กตู่ ยันคุม โคโรน่า ได้ 100% ยกระดับเฝ้าระวัง เข้มการข่าว จีนผวาเชื้อแพร่ไม่เแสดงอาการ

 

               "บิ๊กตู่” ยกระดับ “ศูนย์ปฏิบัติการนายกฯ” กำกับเองแก้ปัญหา “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่-ฝุ่นพีเอ็ม 2.5” รอไฟเขียวจากจีนส่งเครื่องบินอพยพคนไทย วอนทุกฝ่ายใจเย็น ยันมีผู้ป่วยแค่ 8 รายในไทย เข้ม “ข่าวปล่อย” ใช้กฎหมายเด็ดขาด รัฐสั่ง รง.ผลิตหน้ากากเพิ่ม ขู่กักตุนโก่งราคาเจอโทษหนัก ด้าน 5 จว.ยันไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อ ส่วนอ่างทองรอผลตรวจ รมว.ท่องเที่ยวฯ คาดกระทบรายได้ 9.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่จีนยังวิกฤติยอดตายพุ่งไม่หยุด เสียชีวิตแล้ว 80 ราย ติดเชื้อ 2,744 คน เตือนติดต่อได้ตั้งแต่ยังไม่แสดงอาการ ด้าน ผอ.องค์การอนามัยโลกบินปักกิ่งหารือสถานการณ์

 

               ความคืบหน้าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ระบาดในประเทศจีนมีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อสูงขึ้นตลอด อีกทั้งพบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยนอกจากนี้ยังมีคนไทยและนักศึกษาที่ติดค้างในเมืองอู่ฮั่นที่ทางการจีนประกาศปิดเมือง ซึ่งทางการไทยเตรียมเครื่องบินไปรับกลับนั้น

 

               เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 27 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยถึงปัญหาเรื่องฝั่นละอองพีเอ็ม 2.5 และไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ว่า กรณีการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ การคัดกรองและเฝ้าระวังเป็นไปอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

 

               ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเป็นระดับ 3 ให้สอดคล้องกับความรุนแรงของสถานการณ์เพื่อติดตามสถานการณ์โรคทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรการต่างๆ อย่างเหมาะสม รวมทั้งสามารถบริหารจัดการทรัพยากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และทางทหาร

 

               ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการเฝ้าระวัง ค้นหา และคัดกรอง ณ ช่องทางเข้า-ออกประเทศทั้ง 5 สนามบิน และช่องทางอื่นๆ ทั้งทางบก บริเวณชายแดน และทางเรือ ณ ท่าเรือต่างๆ ด้วย เพื่อคัดกรองผู้เดินทางมาจากทุกพื้นที่เสี่ยง อาทิ เมืองอู่ฮั่น กวางโจว มณฑลกวางตุ้ง และเมืองอื่นๆ ที่มีการระบาดตามคำประกาศของทางการจีน            

 

               นอกจากนี้ที่สำคัญรัฐบาลได้บูรณาการการทำงานร่วมกันของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการรับมือ ป้องกัน และสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแม่นยำให้ประชาชนโดยไม่ปิดบังข้อมูลใดๆ และยึดหลักการว่าชีวิตและสุขภาพของประชาชนสำคัญที่สุด และการคัดกรองได้ผลดีพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส 8 ราย ทั้งหมดติดเชื้อจากประเทศจีน

 

               โดย 5 รายแรกหายแล้ว แพทย์ให้กลับบ้านได้เหลือผู้ป่วยอีก 3 รายที่ยังคงรับการรักษาในโรงพยาบาล สำหรับสถานการณ์โดยรวมถือว่าสามารถควบคุมได้ 100% แต่ไม่ประมาทต้องช่วยกันสอดส่องเฝ้าระวังและดูแลตัวเองให้ความร่วมมือกับทางการ

 

               สำหรับการเตรียมอพยพชาวไทยในพื้นที่เสี่ยง ณ เมืองต่างๆ จากประเทศจีนนั้น ขณะนี้กระทรวงกลาโหมมีความพร้อมที่จะปฏิบัติได้ทันทีในโอกาสแรกที่ได้รับการอนุญาตจากประเทศจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานอย่างใกล้ชิดของกระทรวงการต่างประเทศ ปัจจุบันสามารถติดต่อได้กับทุกคน ทั้งในลักษณะบุคคลและการแจ้งการปฏิบัติเป็นกลุ่ม 

 

               ทั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโรคระบาดคือข่าวปลอม รวมทั้งแหล่งข่าวที่หวังดีแต่อาจคลาดเคลื่อน รัฐบาลได้วางแนวทางการรับมือในการกำหนดช่องทางสื่อสารหลักและน่าเชื่อถือได้ที่สุดจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้โดยตรง ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

 

               ดังนั้นขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคน สื่อโซเชียลในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุกครั้งก่อนที่จะมีการแชร์ หรือเผยแพร่ออกไป เนื่องจากจะสร้างความสับสนและตื่นตระหนกในภาพรวมของประเทศได้

 

               ในส่วนของสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจได้กำหนดมาตรการและแนวทางการป้องกันมาอย่างต่อเนื่องและได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ออกมาตรการและแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 

               “สุดท้ายนี้รัฐบาลได้ยกระดับให้ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ติดตามและประเมินสถานการณ์ รวมทั้งการสั่งการต่างๆ ทั้งในเรื่องของไวรัสโคโรนาและฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 อย่างเป็นเอกภาพ โดยผมจะกำกับดูแลเองอย่างใกล้ชิดเพื่อหาข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการของทุกกระทรวงเพื่อสั่งการเพิ่มเติมได้ทันทีจากมาตรฐานตามกฎหมายที่กำหนดไว้เดิมเมื่อจำเป็น โดยต้องร่วมกันแก้ไขทุกปัญหาของประเทศให้เป็นไปในทางเดียวกัน ตามหลักสากลอย่างเข้มงวดและปฏิบัติได้จริง” นายกฯ กล่าวในตอนท้าย
 

               ก่อนหน้านี้ที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเตรียมเครื่องบินไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นว่า ทางการจีนยังไม่ให้เข้า ต้องขออนุญาตก่อน ตอนนี้เขายังรับไหวถ้าไม่ไหวเขาก็จะเรียกเราไปรับ

 

               เพราะฉะนั้นในส่วนของรัฐบาลก็มีการเตรียมแผนงานเอาไว้ พร้อมทั้งขึ้นบัญชีและนัดหมายว่าจะรวมพลไว้ที่ใดว่า เมื่อถึงเวลาแล้วก็จะขออนุญาตนำเครื่องบินเข้าไปรับ อย่างไรก็ตามถ้ายังมีการดูแลได้อยู่ก็ไม่มีความจำเป็น ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะวุ่นกันไปหมด บินเข้าบินออก บินรับส่งและจะกระทบกระเทือนไปหมด เราต้องให้ความสำคัญกับกรณีนี้เป็นพิเศษ 

 

               “ขอให้ใจเย็นๆ ทุกเรื่อง ผมและรัฐบาลให้ความสำคัญทั้งหมด ดังนั้นอย่านำเรื่องนั้นเรื่องนี้มาต่อกันเพราะจะเกิดความเสียหาย ไม่เช่นนั้นคนทำงานก็จะไม่มีกำลังใจ และทำงานไม่ได้ จะให้มาตอบคำถามทุกคนคงไม่ไหว ทุกประเทศมีกฎหมายเป็นของตนเองไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

               ต่อข้อถามแผนรับมือมีความพร้อมแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พร้อมมาหลายวันแล้ว สั่งเตรียมการเรื่องเครื่องบินมา 1 เดือนแล้ว

 

               ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 มกราคมนี้ว่า ก็มีมาตรการป้องกันเต็มที่อยู่แล้ว ที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีการเตรียมเสนอ ครม. เพราะเดิมมีคำสั่งของนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2557 อยู่แล้ว ในเรื่องการตั้งคณะกรรมการดูแลโรคอุบัติใหม่และโรคระบาด ก็จะนำคำสั่งดังกล่าวมาเสนอ ครม.เพื่อให้มีการปรับปรุงใหม่

 

               ด้าน น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนักศึกษาไทยในเมืองอู่ฮั่นที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า Pasnicha Krutdamrongchai โพสต์ขอความช่วยเหลือว่า กระทรวงทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ได้ติดต่อและขอให้นักเรียนไทยคนอื่นช่วยเหลือและให้คำแนะนำนักศึกษาคนดังกล่าวแล้วว่าจะหาแหล่งอาหารได้เพิ่มเติมจากที่ไหนโดยสถานทูตไทยในกรุงปักกิ่งมีช่องทางการสื่อสารติดต่อพูดคุยกับคนไทยในอู่ฮั่นและหูเป่ยอย่างต่อเนื่องตลอด

 

               วันเดียวกัน นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยังโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยภายในประเทศ 10 แห่ง เพื่อให้ผลิตเพิ่มเติมรองรับสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และสถานการณ์ฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ซึ่งในเบื้องต้นผู้ผลิตพร้อมที่จะผลิตให้เพียงต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นรวมทั้งจัดหาสถานที่จำหน่ายเพื่อหาซื้อได้สะดวกมากขึ้นในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป

 

                ทั้งนี้ยังไม่พบการร้องเรียนโก่งราคาหน้ากากหรือกักตุนสินค้า แต่กรมจะติดตามใกล้ชิดเพื่อไม่ให้สินค้าขาดแคลน หากพบเห็นพฤติกรรมร้านค้าที่ไม่เป็นธรรมร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569 จะเข้าไปดำเนินคดีหรือลงโทษตามกฎหมายต่อไป กรณีกักตุนสินค้าหรือจำหน่ายในราคาสูงเกินจริงถือว่ามีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

               สำหรับการกักตัวผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยกรณีมีผู้สงสัยติดเชื้อ 2 รายว่า มีหญิงรายหนึ่งอายุ 34 ปี เป็นชาวเมืองนครราชสีมา ซึ่งเพิ่งกลับจากเมืองฉงฉิ่ง ประเทศจีน ไม่ใช่เมืองอู่ฮั่น โดยกลับมาบ้านตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ต่อมาเป็นไข้หวัดจึงรู้สึกวิตกกังวลจึงไปโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กระทั่งวันนี้ได้รับยืนยันว่าเป็นไข้หวัดธรรมดาไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา

 

                ส่วนอีกรายชาว อ.บ้านเหลื่อม ที่เพิ่งกลับมาจากจีนป่วยเป็นไข้หวัดไปรักษาที่โรงพยาบาลบัวใหญ่ซึ่งยืนยันแล้วว่าเป็นไข้หวัดธรรมดาเช่นกัน ทั้งนี้ยืนยันจังหวัดจะไม่ปิดข่าวแน่นอนเพราะเป็นเรื่องระดับชาติ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตูมเชื่อข่าวลือในโลกโซเชียลมากนัก 

 

               ด้าน นพ.ชัยวัฒน์ ทองไหม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ ชี้แจงถึงกรณีข่าวโรงพยาบาลหล่มสัก อ.หล่มสัก กักดูอาการผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อว่าเท่าที่ดูเบื้องต้นในตอนนี้เป็นอาการไข้หวัดแต่เนื่องจากเป็นมาตรฐานทางสากลจำเป็นต้องกักตัวไว้รอผลตรวจทางแล็บก่อน อย่างไรก็ตามโดยความเห็นส่วนตัว 95% ขึ้นไปไม่น่าจะใช่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น

 

               เช่นเดียวกับ นพ.อายุส ภมะราภา ผอ.โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวผู้ป่วยหญิงชาวอุตรดิตถ์ 1 ราย อายุ 27 ปี ติดเชื้อไวรัสว่า ยืนยันว่าโรงพยาบาลยังไม่พบผู้ป่วยหรือคนไข้ติดเชื้อ ด้านสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จ.นครสวรรค์ เปิดเผยผลการตรวจไม่พบไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ในผู้ป่วยทั้ง 2 รายและผู้ต้องสงสัยอีก 1 รายในโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ โดยหนึ่งในสามรายนั้นเป็นนักศึกษาชายวัย 23 ปี ชาวอุทัยธานี ที่กลับมาจากเที่ยวเมืองอู่ฮั่น

 

               ส่วนที่ จ.ระยอง นพ.สุนทร​ เหรียญ​ภูมิการกิจ​ นายแพทย์สาธารณสุข​จังหวัด​ระยอง​ แถลงข่าว​กรณีมีนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ​ 58 ปี​ ที่สงสัยป่วยติดเชื้อหลังเดินทางมาเที่ยวเกาะเสม็ด​ว่า​ผลการตรวจพบติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอไม่ได้เป็นไวรัสโคโรนา​สายพันธุ์​ใหม่​แต่อย่างใด​

 

               มีรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง กรณีนักศึกษาหญิงอายุ 20 ปี ไปศึกษาที่เมืองอู่ฮั่น เข้ารักษาเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) มีอาการเจ็บคอ ไอ มีน้ำมูกและมีไข้ต่ำที่โรงพยาบาลอ่างทอง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวอย่างของผู้ป่วยส่งไปตรวจอย่างละเอียดคาดจะรู้ผลในเร็ววันนี้

 

               ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมชี้แจงกับผู้ประกอบการบริษัททัวร์ มัคคุเทศก์และผู้ประกอบการโรงแรม ว่า เพื่อสร้างความเข้าใจและเฝ้าระวังหากพบผู้ติดเชื้อให้นำส่งโรงพยาบาลได้ทันที ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากอู่ฮั่นเดินทางกลับเกือบหมดแล้ว ซึ่งไทยมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดือนละประมาณ 8-9 แสนคน

 

               คาดว่าจากเหตุดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนในช่วง 3 เดือนนับตั้งแต่ตรุษจีนถึงเดือนเมษายน หายไปประมาณ 1.89 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 ส่วนตัวเลขรายได้ที่จะหายไปประมาณ 9.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้แม้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนอาจจะหายไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 แต่ยังมีนักท่องเที่ยวจากอินเดียและอาเซียนทดแทน ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยวในวันที่ 28 มกราคม จะมีการประชุมอีกครั้ง

 

               วันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กรณีการติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนยังพุ่งขึ้นไม่หยุด โดยวันนี้ (27 ม.ค.) คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติของจีน รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสที่มีถิ่นกำเนิดที่เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศ นับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ถึงวันที่ 26 มกราคม ว่าอยู่ที่ 80 คน และจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเฉพาะในจีนอยู่ที่อย่างน้อย 2,744 คน

 

               โดยศูนย์กลางของโรคยังคงเป็นมณฑลหูเป่ย ซึ่งพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 คนเฉพาะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนผู้ป่วยสะสมในต่างประเทศที่ไม่ใช่ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน พบแล้วในอย่างน้อย 11 ประเทศ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐ แคนาดา ฝรั่งเศส มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และเนปาล

 

               ด้านนายหม่า เสี่ยวเว่ย ผู้อำนวยการคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีน (NHC) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในไวรัสมรณะตัวนี้ในระดับที่จำกัด ยังไม่ชัดเจนว่าความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ของเชื้อมีมาแค่ไหน และไวรัสอู่ฮั่นต่างจากไวรัสซาร์สตรงที่สามารถติดต่อได้แม้จะอยู่ในระยะฟักตัว และย้ำว่าผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการป่วยใดๆ ในทันที ยิ่งเพิ่มความยากให้แก่เจ้าหน้าที่ที่จะควบคุมการแพร่ระบาด

 

               ขณะที่นายวิลเลียม แชฟเนอร์ ที่ปรึกษาศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ (ซีดีซี) กล่าวว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจะทำให้สถานการณ์พลิก อาจรุนแรงกว่าที่คาดไว้เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าที่คิด สถานการณ์เช่นนี้ทำให้สหรัฐต้องทบทวนมาตรการในการควบคุมป้องกันโรคใหม่

 

               มีรายงานว่า นพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าเขาอยู่ระหว่างเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง เพื่อส่งเสริมความเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลจีน และยกระดับความสนับสนุนการป้องกันโรคระบาด

 

               สำหนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า นางอาเนส บูสซอง รัฐมนตรีสาธารณสุขฝรั่งเศส เผยว่าฝรั่งเศสจะอพยพพลเรือนชาวฝรั่งเศสราว 800 คน ออกจากเมืองอู่ฮั่นภายในกลางสัปดาห์นี้ และจะถูกกักตัวนาน 14 วัน

 

ขณะที่นางปรีติ พาเทล รัฐมนตรีมหาดไทยอังกฤษ ระบุว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาช่วยเหลือชาวอังกฤษในเมืองอู่ฮั่นให้เดินทางออกจากพื้นที่แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

 

               ส่วนนายฮิโรชิ คาจิยามา รัฐมนตรีอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ได้ประชุมกับองค์การต่างๆ ติดต่อคนญี่ปุ่นที่ทำงานในเมืองอู่ฮั่นว่าต้องการกลับประเทศหรือไม่ โดยผู้ที่ต้องการกลับบ้านจะได้เดินทางกลับโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ