ข่าว

ศาลสั่ง สตช.แจงข้อมูล ปมฉาวลูกน้องฟ้อง บิ๊กแป๊ะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

200 ตร.ขู่ฟ้องบิ๊กแป๊ะ ศาลสั่ง สตช.แจงโยกย้าย ไพรัตน์ ไม่เป็นธรรม 19 มี.ค.นัดฟังคำตัดสินคดี ตร.ไม่หวั่นพร้อมส่งเอกสารให้

 

               ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่ง สตช.ส่งข้อมูลชี้แจงปมฉาวลูกน้องฟ้อง “บิ๊กแป๊ะ” โยกย้ายไม่เป็นธรรม ภายใน 30 วัน นัดฟังคำพิพากษา 19 มี.ค. ชั้นผู้น้อยอีก 200 นาย จ่อตบเท้าร้องเอาผิดเพิ่ม ด้านรองโฆษกตร.ระบุพร้อมปฏิบัติตามทันที หากได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ ขณะที่ปมสอบ “วิระชัย” ไร้ธงชี้นำ ยันเป็นไปตามข้อร้องเรียน

อ่านข่าว-ฟังจากปาก บิ๊กแป๊ะ ปมสั่งเด้งฟ้าผ่า รอง ผบ.ตร.

 

               ความคืบหน้ากรณี พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รอง ผบก.อก.ภ.9) ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

 

               กรณีใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายโดยมีมูลเหตุจูงใจด้านอื่น เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งเกี่ยวกับเรื่องทรงผม และเคยทำบันทึกกล่าวหา รองผบ.ตร. เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 ของ ผบ.ตร. กระทั่งมีคลิปเสียงโต้เดือดในเวลาต่อมาระหว่าง พ.ต.อ. กับ พล.ต.อ. จนวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นศึกสีกากีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

               ล่าสุดวันที่ 27 มกราคม ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งคดีที่ พ.ต.อ.ไพรัตน์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ โดยวันนี้โจทก์ได้ส่งทนายมารับฟังคำสั่งจะรับคดีไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องหรือไม่ เบื้องต้นศาลเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย และอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาล

 

               แต่สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดส่งข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ดังนี้ 1.กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อกำหนดหรือคำสั่ง ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ ผกก.และรอง ผบก. ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้าหากมี)

 

               2.การดําเนินการโยกย้ายโจทก์ (พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์) ในวาระประจําปี 2562 จากตําแหน่ง รองผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ไปดํารงตําแหน่ง รอง ผบกอก.ภ.9 ซึ่งถือเป็นการโยกย้ายข้ามภาค มีสาเหตุมาจากเรื่องใด และเป็นการดําเนินการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อกําหนดหรือคําสั่งใดหรือไม่ อย่างไร

 

               3.ให้จัดส่งสําเนาคําสั่งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่ 247/2562 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 พร้อมบัญชีแนบท้ายคําสั่ง (ฉบับสมบูรณ์) ต่อศาล โดยให้จัดส่งข้อมูลและเอกสารดังกล่าว ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้ง ทั้งนี้ได้นัดฟังคำสั่งอีกครั้ง 19 มีนาคม เวลา 09.00 น.

 

               ด้าน พ.ต.อ.ไพรัตน์ กล่าวว่า การที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดส่งข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อศาล ถือเป็นการยืนยันว่า 1.คดีที่ยื่นฟ้องผบ.ตร.ขณะนี้อยู่ในอานาจของศาลแล้ว ซึ่งจากนี้ไปศาลมีอำนาจที่จะพิจารณาหรือแก้ไขได้ 2.คำฟ้องที่ยื่นฟ้อง ผบ.ตร. ยืนยันว่า การกระทำของ ผบ.ตร.เป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน

 

               ดังนั้นศาลจึงมีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทุกขั้นตอนมาให้ตรวจสอบ มั่นใจว่ากรณีที่ฟ้อง ผบ.ตร.ครั้งนี้ทุกอย่างมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าการโยกย้ายตนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะการโยกย้ายจากภาค 7 ไปภาค 9 ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

               “ผมอยากให้คดีที่ผมฟ้องร้อง ผบ.ตร. เป็นตัวอย่างของการที่ตำรวจชั้นผู้น้อยถูกรังแก การฟ้องผบ.ตร.ของผมจะเป็นประโยชน์ต่อตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างมาก เพราะทุกครั้งที่ผู้บังคับบัญชาโยกย้ายตำรวจจะอ้างว่าทำได้ตามคำสั่ง คสช.ที่ 20/2561 และเมื่ออ้างคำสั่งนี้ ผู้บังคับบัญชาจะมีความชอบธรรม และทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่สามารถฟ้องร้องได้” พ.ต.อไพรัตน์ กล่าว

 

               อย่างไรก็ตามขอชี้แจงว่า คำสั่งคสช.ดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ได้เปิดทางให้ผู้บังคับบัญชาสามารถโยกย้ายใครก็ได้ เพราะคำสั่งคสช.นี้ความจริงมีเจตนาต้องการคุ้มครองการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นไปโดยสุจริตและคุณธรรม คำสั่ง คสช.เป็นคำสั่งที่มีไว้เพื่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อย ดังนั้นการที่ ผบ.ตร.อ้างคำสั่งดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ไม่ตรงตามเจตนารมณ์

 

               ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า จากคดีที่ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น หลังจากนี้จะมีตำรวจอีกกว่า 200 นายไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต่อศาล ในเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในเร็วๆ นี้อีกด้วย

 

               ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เพิ่งทราบข้อมูลจากสื่อว่ามีคำสั่งจากศาล ซึ่งหากมีหนังสือมาจะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ส่งข้อมูลตามคำร้องขอภายใต้กรอบกฎหมาย ว่าเป็นการให้ข้อมูลมากน้อยแค่ไหน ที่ผ่านมามีเรื่องการขอข้อมูลลักษณะแบบนี้ ไม่ว่าจากทางศาล หรือหน่วยงานอื่นๆ ก็มีการตอบกลับไปตามกรอบกฎหมายอยู่แล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมให้ความร่วมมือทันทีหากหนังสืออย่างเป็นทางการจากศาลส่งมาถึง

 

               นอกจากนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวถึงกรณีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. ที่ถูกสั่งเด้งเข้าไปปฏิบัติราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมี พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการนั้น ว่า มีความชัดเจนในเรื่องข้อกล่าวหา และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไม่ได้กำหนดกรอบการสอบสวนไว้ แต่ให้ทางจเรตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ

 

               พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวด้วยว่า ผู้ที่ถูกตรวจสอบเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จึงมีการออกคำสั่ง ซึ่งก็เป็นปกติ โดยในหนังสือการตั้งกรรมการสอบมีรายละเอียดเรื่องเหตุผลความจำเป็นในการปฏิบัติ ส่วน พล.ต.อ.วิระชัยจะยังกลับมาเป็นคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) อีกหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ