ข่าว

ทนายบิลลี่ จวกยับอัยการโบ้ยผู้เสียหายฟ้องเอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทนายบิลลี่ ข้องใจตรรกะอัยการ จี้เปิดตัวผู้เชี่ยวชาญดีเอ็นเอให้ความเห็นหักล้างสำนวนดีเอสไอ จวกอัยการเป็นทนายแผ่นดิน แต่โบ้ยให้ผู้เสียหายฟ้องคดีเอง

 

 

          เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2563 - นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะทนายความผู้เสียหายคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย เปิดเผยว่า อัยการควรเรียนรู้จากคดีฆ่าหั่นศพที่เกิดขึ้นกับ พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ต่อมาพ่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง โดยใช้พยานหลักฐานเดิม และในที่สุดก็ชนะคดี ซึ่งเป็นแนวทางที่ศาลฎีกาเคยมีคำวินิจฉัยไว้ กรณีฆาตกรรมนายพอละจีก็เช่นเดียวกัน แม้ผู้เสียหายจะสามารถฟ้องเองได้ แต่ประเทศไทยกฎหมายในคดีอาญาร้ายแรงเป็นระบบกล่าวหา กระบวนการยุติธรรมให้ตำรวจและอัยการฐานะผู้ใช้เงินภาษีจากประชาชนเข้ามาอำนวยความยุติธรรม เพื่อให้ชาวบ้านได้รับความยุติธรรม แต่อัยการกลับไม่ปฏิบัติหน้าที่ แล้วยังมาบอกให้ประชาชนฟ้องร้องเอาเอง ทำให้ชาวบ้านรู้สึกสิ้นหวังต่อกระบวนการยุติธรรมไทย 

 

อ่านเพิ่มเติม  อัยการ ตอบทุกเหตุผลสั่งไม่ฟ้อง ชัยวัฒน์ คดีบิลลี่ #คมชัดลึก
 

          “การชี้แจงของนายประยุทธ์ เพชรคุณ ทำในฐานะรองโฆษกอัยการ พูดแทนอัยการชั้นต้นที่ทำคดียังไม่ได้มีความเห็นชี้ขาดจากอัยการสูงสุด และดีเอสไอก็ยังไม่ได้ทำข้อโต้แย้ง จึงยังมีความหวังว่าอัยการสูงสุดจะนำข้อโต้แย้งของพนักงานสอบสวนดีเอสไอไปพิจารณาก่อนจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด” นายสุรพงษ์ กล่าว


          นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่อัยการออกมาระบุว่า ผลการตรวจหาสารพันธุกรรมไมโทรคอนเดรียเป็นเพียงการตรวจเพื่อทราบถึงความสัมพันธ์การสืบสกุล ทางสายมารดา และไม่เพียงพอที่จะยืนยันตัวบุคคลที่ชี้ชัดได้ว่าเป็นกระดูกของนายพอละจี จึงอยากถามกลับว่าอัยการไปได้ผู้เชี่ยวชาญกว่านักนิติวิทยาศาสตร์เฉพาะทางที่ไหนมายืนยัน ขอให้ระบุผู้อ้างอิงให้ชัด หรือคิดเอาเอง เพราะผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทย์ฯยืนยันและรับรองชัดเจนว่า ชิ้นส่วนกระโหลกศรีษะที่พบมีความสัมพันธ์ความเป็นแม่ลูกกันจริง แต่อัยการไม่ได้ระบุหรือยืนยันตัวผู้เชี่ยวชาญที่ออกมาให้ข้อมูล ดังนั้นจึงเป็นประเด็นที่ต้องตั้งคำถามว่า ความน่าเชื่อถือของหน่วยงานไหนจะมีน้ำหนักมากกว่า

 

          “หากรัฐไม่ฟ้อง ผู้เสียหายก็จะฟ้องเอง แต่เหมาะสมหรือไม่ที่จะโบ้ยให้ประชาชนมาฟ้องกับผู้กระทำผิดเอง อัยการได้ทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นอัยการแผ่นดินหรือไม่ ส่วนที่ออกมาระบุว่าประจักษ์พยานกลับคำให้การไปมา ไม่น่าเชื่อถือ แต่กลับเลือกเชื่อคำให้การของพยาน ในครั้งที่เคยเบิกความต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี แม้พยานจะให้การอีกครั้งกับดีเอสไอ แต่อัยการไม่นำหลักฐานในส่วนนี้ขึ้นมาพิจารณา หากอัยการเห็นว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ ขอให้ตัดพยานส่วนนี้ไปเลย นอกจากนี้ยังขอตั้งคำถามอีกว่า ก่อนหายตัวไปนายพอละจียังอยู่ในการควบคุมตัวของกลุ่มผู้ต้องหา เหตุใดอัยการจึงไม่ฟ้องข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง แต่ฟ้องเฉพาะข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผมเห็นว่าอัยการมีตรรกะการทำคดีแบบแปลกๆ” นายสุรพงษ์ กล่าว      

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ