ข่าว

รัฐลังเลใช้ยาแรงหวั่นคนเดือดร้อนถกแก้ฝุ่นพิษเพิ่ม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บิ๊กป้อม ดึงทุกส่วนถกมาตรการเพิ่มทั้ง เลื่อนเวลาเข้างาน - เรียน - ทำงานที่บ้าน

 

              เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2563 ที่ ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้แก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ พีเอ็ม 2.5 หลังสถานการณ์วิกฤติต้องหยุดการเรียนการสอน 1 วันของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) 437 โรงเรียน ว่า

 

 

 

              ยืนยัน จะทำให้ดีที่สุด จะเชิญทุกฝ่ายมาร่วมประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมในวันที่ 23 มกราคม ที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)

              ต่อข้อถาม 12 มาตรการของคณะกรรมการควบคุมมลพิษเป็นแค่เบื้องต้นยังไม่ใช่ยาแรงใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 มกราคม ยังไม่ได้มีมาตรการอะไรออกมา เพียงแค่มีการพูดคุยกัน แต่ความจริงเรื่องนี้มีระเบียบอยู่แล้ว โดยกรมควบคุมมลพิษดูแลอยู่ เมื่อถามว่า คำว่าการใช้ยาแรงกับการที่รัฐบาลจะเข้ามาควบคุมดูแลจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ตื่นตระหนกหรอก ส่วนความกังวลว่าหากมีการบังคับใช้ยาแรงจะทำให้รัฐบาลเสียคะแนนนั้น เรื่องนี้ต้องเอาทุกฝ่ายมาคุยกันรวมถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งยาแรงที่มีการพูดถึงนั้น เราต้องดูด้วยว่าทุกฝ่ายต้องยอมรับ

 

 

 

              ผู้สื่อข่าวถามว่า จะบอกประชาชนที่ออกมาประชดประชันรัฐบาลกันในโซเชียลมีเดียอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลทำทุกอย่าง แต่ว่ามันมีสองฝ่าย ต้องการกับไม่ต้องการยาแรง ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราจะทำให้เรียบร้อย

              นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ในวันที่ 23 มกราคม จะนำมาตรการต่างๆ เข้าหารือ เบื้องต้น อาจจะมีมาตรการลดการวิ่งของรถบรรทุกและรถทั่วไปบนท้องถนน ซึ่ง นายกฯ ย้ำให้คำนึงถึงประชาชนให้มากที่สุด

              นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวจะมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ องค์กรที่ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ที่ได้เชิญมาให้ความเห็นด้วย เพราะต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมก่อนจะออกมาเป็นมาตรการ ซึ่งหลังจากประชุมเสร็จสิ้นจะมีการแถลงให้ทราบต่อไป

 

 

 

              “นายกฯ ฝากความห่วงใยถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 ได้ติดตามและรับรายงานมาตลอด ตั้งแต่วันที่ 6 - 10 มกราคม ว่าตัวเลขค่าฝุ่นเริ่มสูงขึ้น จึงได้ออกมาตรการ 4 ระดับ ตั้งแต่ค่าฝุ่น 50 - 100 ไมโครกรัมต่อลูกบากศ์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เพื่อกำหนดการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการตรวจรถควันดำ สำหรับค่าฝุ่นวันนี้ (22 มกราคม) ดีขึ้น เป็นผลจาก กทม. ปิดโรงเรียน 437 แห่ง และเหลื่อมเวลาทำงานของเจ้าหน้าที่ กทม. จาก 08.00 - 16.00 น. เป็น 10.00 - 18.00 น. และเข้มงวดตรวจจับการเผาในที่โล่ง ถือว่าได้ผลอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น บางมาตรการจึงมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการให้เป็นแผนระยะยาว ทั้งการเหลื่อมเวลาทำงาน หรือบริษัทเอกชนจะให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน และที่มีประชาชนเสนอมาตรการ เช่น การเสนอให้เรียนที่บ้าน ทำงานหนึ่งวันที่บ้าน อาจมีการหยิบยกมาพูดคุยในที่ประชุมด้วย” นางนฤมล กล่าว

 

 

 

              แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่ารัฐบาลเล็งเห็นมาตลอดว่าปัญหาฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 โดยไม่ได้นิ่งนอนใจและได้สั่งการให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งศึกษาการแก้ไขปัญหาของต่างประเทศที่เป็นยาแรง ส่วนกรณีห้ามรถบรรทุกวิ่งเข้าเมืองกรุงในวันคี่จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ก็อนุมัติเห็นชอบไปแล้ว ส่วนยาแรงด้านอื่นที่เสนอเข้ามา เช่น ให้รถส่วนบุคคลวิ่งวันคู่ - วันคี่ , ห้ามใช้รถอายุเกิน 10 - 15 ปี , ปิดโรงเรียน ปิดศูนย์การค้า หรือจำกัดวันเพื่อลดการใช้รถ และหยุดการก่อสร้างขนาดใหญ่ชั่วคราว ได้สร้างความกังวลถึงผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน และจะกระทบหลายด้านโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จึงมอบหมายให้วางมาตรการที่ค่อยเป็นค่อยไปจากเบาไปหาหนักเพื่อไม่ให้กระทบประชาชนมากเกินไป ส่วนที่พรรคฝ่ายค้านเสนอให้ใช้ยาแรงมองว่าเป็นลูกไม้ตีกินทางการเมือง หากรัฐบาลใช้ยาแรงจริงจะส่งผลกระทบหลายส่วนและถูกหยิบยกมาโจมตีแน่นอน

 

 

 

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 22 มกราคม เวลา 12.00 น. ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยร่วมกับ กทม. จำนวน 54 สถานี ตรวจวัดค่าได้ 20 - 62 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม) โดยปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มลดลงเกือบทุกพื้นที่จากช่วงเช้าวันนี้ พบพื้นที่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นพื้นที่สีส้ม 9 พื้นที่

              ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นวันนี้มีแนวโน้มดีขึ้น จากการตรวจวัดพบค่าฝุ่นระดับสีเขียว คุณภาพอากาศดี 12 จุด สีเหลือง คุณภาพอากาศปานกลาง และสีส้ม เริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ 25 จุด โดยมีแนวโน้มความเร็วลมตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ช่วยพัดพาฝุ่นออกไป ส่วนโรงเรียนสังกัด กทม. 437 แห่งจะเปิดเรียนในวันที่ 23 มกราคม สำหรับมาตรการเหลื่อมเวลาทำงานของข้าราชการ กทม. ยังคงดำเนินต่อไป และการแจกหน้ากากอนามัยที่สถานีรถไฟฟ้า มีประชาชนตอบรับและใส่หน้ากากเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ยังต้องรณรงค์ต่อไป ทั้งนี้ กทม. มีแนวทางจัดซื้อเครื่องฟอกอากาศติดตั้งในโรงเรียนในสังกัดเพื่อจัดทำคลีนโซนให้นักเรียน จำนวน 280,000 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา

 

 

 

              นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดี คพ. ให้สัมภาษณ์กรณีถูกกระแสโซเชียลโจมตีในเรื่องแก้ปัญหาฝุ่นและมีการล่ารายชื่อให้ปลดจากตำแหน่งว่า จะพูดค่าวัดคุณภาพอากาศให้ดูน้อยๆ ดีๆ ทำไม ข้อมูลของ คพ. บอกค่ามลพิษทั้งหมด ซึ่งมีการมองว่าอาจจะพูดเพราะต้องการเอาใจเจ้านาย แต่ขอชี้แจงว่าอีก 8 เดือน ตนจะเกษียณคงไม่ไปเอาใจใคร ยืนยันว่าตัวเลขที่ชี้แจงเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และเป็นตัวเลขทางสถิติ จะให้ไปเป็นอะไรหรือโดนย้ายก็ไม่กลัว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีบางฝ่ายต้องการทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกและมีผลประโยชน์หรือไม่ การเสนอมาตรการอะไรจึงต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบภาพรวม

              อธิบดี คพ. กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ระบุว่าฝุ่นที่เกิดขึ้นมาจากหมอกความชื้นนั้น ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาพยายามหาข้อมูลมาตลอด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา 2 - 3 วันที่ผ่านมามีหมอกหนา ไม่ได้ตัดสินด้วยความคิดของตัวเองแต่ได้สอบถามกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งก็ตอบมาว่าเป็นหมอกของความชื้น เกิดจากทิศทางลมตะวันออกที่พัดเอาความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาสู่แผ่นดิน ซึ่งในช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมาในพื้นที่ กทม. ลมสงบและความกดอากาศกดทับต่ำมาก ค่ามลพิษที่วัดออกมาได้ในแต่ละวันค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 60 - 70 มคก./ลบ.ม. ซึ่งเครื่องวัดค่ามลพิษของ คพ. และ กทม. ก็ได้ใกล้เคียงกัน ความหนาของหมอกที่เกิดขึ้นถ้าหากเป็น พีเอ็ม 2.5 ค่าต้องขึ้นสูงถึง 100 กว่า มคก./ลบ.ม.แล้ว ซึ่งเมื่อชี้แจงข้อมูลไปแบบนี้คนก็มองว่าไม่เห็นความเดือดร้อนความวิกฤติ แต่ยืนยันว่าเราก็ต้องพูดความจริง

 

 

 

              ส่วนที่รัฐสภา นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นญัตติด่วนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้บรรจุวาระพิจารณปัญหา พีเอ็ม 2.5 เพื่อให้ ส.ส. จากทุกพรรคการเมืองร่วมกันสะท้อนปัญหาและเสนอมาตรการการแก้ไขอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เผยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 และจะยื่นญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายเรื่องฝุ่นเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ