ข่าว

ทำไมศาลจำคุก 'สรยุทธ' 6 ปี 24 เดือน ไม่ 8 ปี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลายคนได้ยินโทษจำคุก 6 ปี 24 เดือน สรยุทธ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม อดีตพิธีกรข่าวชื่อดัง คดีเบี้ยวค่าโฆษณา อสมท. แล้วอาจสงสัยว่าทำไมไม่จำคุก 8 ปี ที่นี่มีคำตอบ..

       กรณี วันนี้ ( 21 ม.ค. )  ศาลฎีกามีคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท , บจก.ไร่ส้ม, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม และอดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง, น.ส.มณฑา พนักงาน บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1- 4 

   โดย ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายสรยุทธ เป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน นั้น 

         หลายคนอาจสงสัยและมีคำถามหลายข้อ อาทิ -  24 เดือน มีด้วยหรือ?

       -   ทำไมศาลจึงไม่เปลี่ยนโทษจำคุก“เดือน” เป็น“ปี”

         -  ทำไมศาลไม่จำคุก 8  ปี ไปเลย  แต่กลับเป็น จำคุก 6 ปี 24 เดือน 

           และ.. ทำไม 6 ปี 24 เดือน ไม่เท่ากับ 8 ปี.. !?

          คำตอบ ก็คือ เหตุเพราะการนับเวลาตามปีปฏิทินปกติ ต่างกับการนับวันเวลาตามกฎหมาย

           ทำไมศาลจำคุก 'สรยุทธ' 6 ปี 24 เดือน ไม่ 8 ปี
            

          โดยทั่วไปแล้ว การนับเวลาตามปฏิทินปกตินั้น ระยะเวลา 1 ปี / 12 เดือน จะมีจำนวน 365 วัน หรือ 366 วัน(ปีอธิกสุรทิน)
            ซึ่งต่างจากการนับวันเวลาตามกฎหมาย  ทั้งนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 ที่ระบุว่า  ในการคำนวณระยะเวลาจำคุก ถ้าระยะเวลาที่จำคุกนั้น กำหนดเป็น "เดือน" ให้นับ สามสิบวันเป็นหนึ่งเดือน

              ระยะเวลา 1 เดือน เท่ากับ 30 วัน  ดังนั้นจึงเท่ากับว่า 12 เดือน จะมีเวลา 360 วัน ไม่ใช่ 365วัน หรือ 366 วัน 

             ดังนั้นกรณีจำคุก 1 ปี กับจำคุก 12 เดือน จึงมีระยะเวลาไม่เท่ากัน กล่าวคือ ศาลจำคุกจำเลย 1 ปี ก็คือ 365 วันหรือ 366 วัน แต่ถ้าศาลจำคุกจำเลย 12 เดือน จะเท่ากับ 360 วัน
              ด้วยเหตุนี้ถ้าหากนับตามปฏิทินปกติ จะทำให้จำเลยต้องรับโทษ เพิ่มขึ้น 5-6 วัน ซึ่งไม่ยุติธรรมและเป็นผลร้ายต่อตัวจำเลย ศาลจึงไม่เอาโทษจำคุกเป็น“เดือน”มาปนกับ “ ปี” โดยแยกออกจากกัน
                 ในอดีตก็มีคดีที่ศาลพิพากษาทำนองนี้มากมาย ไม่ใช่เฉพาะคดีนี้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น คดีนายปรีชา ตรีจรูญ แนวร่วมพันธมิตรฯ ขับรถพุ่งชนตำรวจ ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 16 เดือน ,คดีนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี้ยะ และภรรยา บุกรุกที่ดินกรมธนารักษ์ ในจังหวัดกาญจนบุรี ศาลอาญาจำคุกคนละ 10 ปี 16 เดือน,คดีนายเปรมชัย กรรณสูต คดีล่าเสือดำ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ลงโทษจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน

                ประเด็นต่อมา คือ การนับโทษเดือน ให้นับ 30 วัน เป็น 1 เดือน นั้น จะมีปัญหาทำให้เกิดการได้เปรียบ-เสียเปรียบ กับจำเลยที่ถูกจำคุกเป็น“เดือน” หรือไม่ เพราะเดือนลงท้ายด้วย“คม” มี 31 วัน ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ มี 28วัน หรือ 29วัน เท่านั้น

         คำตอบ ไม่ทำให้เกิดการได้เปรียบ-เสียเปรียบ เพราะตามกฎหมายให้นับวันไปตามจำนวนวันของเดือนนั้นๆ เดือนไหนมี 31 วัน ก็นับ 31 วัน เดือนกุมภาพันธ์ มี 28 วัน หรือ 29 วัน ก็นับ 28 หรือ 29 วัน ไม่ได้นับเป็นเดือนๆ ( จึงไม่เกิดกรณีที่จำเลยถูกจำคุกเดือนกุมภาพันธ์ ได้เปรียบถูกจำคุก แค่ 28 หรือ 29 วัน และไม่เกิดกรณีจำเลยที่ถูกจำคุกในเดือนที่มี 31 วัน เสียเปรียบแต่อย่างใด)

          ยกตัวอย่าง จำเลยถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือนในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งก็เท่ากับถูกจำคุก 60 วัน ก็เริ่มนับวันถูกจำคุกตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ไปจนถึงวันที่ 30 มีนาคม รวม 30 วันจากนั้นวันที่ 31 มีนาคม ก็นับเป็นวันที่ 31 ของการถูกจำคุก วันที่ 1 เมษายน ก็นับเป็นวันที่ 32 ของการถูกจำคุก นับต่อไปเรื่อยๆจนครบ 60 วัน ซึ่งจำเลยคนนี้ จะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 29 เมษายน (ไม่ต้องอยู่ในคุกถึงวันที่ 30 เมษายน)

        ส่วนจำเลยที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือน ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ สมมุติว่า ปีนั้นเดือนกุมภาพันธ์มี 28 วัน ก็เริ่มนับวันถูกจำคุกตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็จะได้ 28 วัน จากนั้นก็นับวันที่ 1มีนาคม เป็นวันที่ 29 ของวันถูกจำคุก จากนั้นนับไปเรื่อยๆ จนครบ 60 วันซึ่งก็คือวันที่ 1 เมษายน จำเลยจะได้รับโทษครบ 60 วัน ( ไม่ใช่อยู่ในคุกแค่ถึงวันที่ 31 มีนาคม)

        ประเด็นสุดท้าย การรับโทษ ต้องรับโทษปีให้ครบก่อน เมื่อรับโทษปีครบแล้ว ค่อยนับโทษเดือนต่อ เพราะโทษปีจะใหญ่กว่าโทษเดือน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ