ข่าว

สภาวะฝาชีครอบ เมืองกรุงฝุ่นพิษพุ่ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สภาวะ "ฝาชีครอบเมืองกรุง-จราจรหนาแน่น" ทำฝุ่นพิษพุ่งทุกเขต ส่งผลกรุงเทพฯ ติดอันดับ 5 มลภาวะสูงของโลก

 

               สภาวะ “ฝาชีครอบเมืองกรุง-จราจรหนาแน่น" ทำฝุ่นพิษพุ่งทุกเขต ส่งผลกรุงเทพฯ ติดอันดับ 5 มลภาวะสูงของโลก คพ.คาดลมตะวันออกเฉียงใต้จะช่วยคลี่คลายได้ ด้านกรมอุตุฯ คาดการณ์คลุ้งยาวถึง 22 ม.ค.นี้ “บิ๊กตู่” หนักใจแก้ปัญหา รับต้องมีบทลงโทษ ขณะที่เหล่าดารานักร้องคนดัง “โจอี้ บอย-ลิเดีย-โบวี่” จี้แก้ปัญหา เผยเริ่มเจ็บป่วยกันแล้ว ทบ.ส่งชุดแพทย์ทหารแจกหน้ากาก-ให้คำแนะนำป้องกัน

 

               เมื่อวันที่ 20 มกราคม กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 20 มกราคม เวลา 07.00 น. ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 53 สถานี

 

               ตรวจวัดค่าได้ 47–89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มค.ก./ลบ.ม.) ซึ่งค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม โดยปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่จากเมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) โดยพบพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพเป็นพื้นที่สีส้ม จำนวน 49 พื้นที่ 

 

               ต่อมาเวลา 12.00 น. ตรวจวัดค่าได้ 48-95 มคก./ลบ.ม. โดยปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่จากช่วงเช้า โดยพบพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นพื้นที่สีแดง 1 พื้นที่ และเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพเป็นพื้นที่สีส้ม 50 พื้นที่

 

               ส่วนปริมณฑล อาทิ ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม, ต.บางกรวย อ.บางกรวย ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี, ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี, ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ, ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เป็นต้น 

 

               ด้านเว็บไซต์ AirVisual รายงานสภาพอากาศเมื่อเวลา 17.00 น.ของวันเดียวกัน พบว่าเมืองกรุงเทพฯ มีปริมาณฝุ่นที่ 164 US AQI ติดอันดับ 5 ของโลก จากการจัดอันดับเมืองฝุ่นมากที่สุด และต่อมาอีกครึ่งชั่วโมงลดลงมาอันดับ 6

 

               นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดี คพ. เปิดเผยว่า สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของค่าฝุ่นละอองมาจากสภาพอุตุนิยมวิทยา ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เกิดภาวะลมสงบตั้งแต่ช่วงกลางคืนวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงเช้านี้ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้การกระจายตัวของฝุ่นละลองยังคงอยู่ในระดับต่ำอยู่

 

               ประกอบกับสภาพความกดอากาศในพื้นที่ประเทศไทยเมื่อช่วงคืนวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา เกิดภาวะฝาชีครอบ ในระดับต่ำกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งปกติควรสูงกว่า 3 กิโลเมตร ทำให้ฝุ่นไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และยังคงมีการสะสมตัวของฝุ่นละอองตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม ต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้เพิ่มสูงขึ้น

 

               นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากการจราจร โดยในช่วงกลางวันของวานนี้ (19 ม.ค.) การจราจรค่อนข้างจะหนาแน่นต่อเนื่องทำให้มีการสะสมตัวของฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น และเนื่องจากในวันนี้เป็นวันต้นสัปดาห์ของการทำงาน การจราจรในภาพรวมของเช้านี้มีการจราจรที่หนาแน่นและติดขัดในหลายเส้นทาง ซึ่งสอดคล้องข้อมูลดัชนีรถติดจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย และกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)

 

               ทั้งนี้สถานการณ์ต่อจากนี้การฟุ้งกระจายตัวของฝุ่นละอองจะเริ่มดีขึ้นเนื่องจากอิทธิพลลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็วสูงสุด 10-20 กม/ชม. และอาจมีโอกาสที่จะเกิดฝนร้อยละ 10 ของพื้นที่ 

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรมอุตุนิยมวิทยารายงานคาดหมายลักษณะอากาศสำหรับการแพร่กระจายของฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 ช่วงวันที่ 20-22 มกราคม ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่าสภาพอากาศมีฝนเล็กน้อย ลมอ่อน มีฝุ่นละอองสะสมค่อนข้างมาก

 

               ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งถึงปัญหาปริมาณฝุ่นละออง ว่าปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ที่ จ.นราธิวาส คงไม่ใช่ปัญหา และต้องยอมรับว่าปัญหาหลายอย่างเกิดจากประชาชน แต่เราจะโทษประชาชนไม่ได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือแม้มีกฎหมายแต่จะให้ไปดำเนินคดีทั้งหมดคงไม่ได้มิฉะนั้นจะสร้างความเดือดร้อน จึงอยากขอความร่วมมือให้ช่วยรัฐบาลโดยเฉพาะปัญหาเรื่องการเผาวัชพืช

 

               สำหรับปัญหาพีเอ็ม 2.5 ในวันนี้เกิดจากจราจรประมาณ 72 เปอร์เซ็นต์ เรื่องเผาวัชพืชประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ อุตสาหกรรม 5 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นอื่นๆ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ต้องหายใจออกมาให้ได้ ทั้งหมดมีปัญหาขนาดของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 มีผลต่อผู้อายุน้อยๆ เด็ก ทารก คนมีครรภ์ คนชรา คนที่มีโรคประจำตัว นอกนั้นแข็งแรงพอสู้ไหว อย่างตนยังพอไหว ถ้าใครรู้ว่าเสี่ยงก็ปาดจมูก ใส่หน้ากาก ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย

 

               พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าไม่อยากลงโทษประชาชน แต่ถ้าเราปล่อยมากๆ จะบานไปทุกเรื่อง เราต้องแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างอย่างบูรณาการ ใช้ทางกฎหมายและวิธีการที่มีก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำเช่นนี้มาก่อนนอกจากรัฐบาลนี้และมีการทำต่อเนื่อง

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โจอี้ บอย นักร้องชื่อดัง โพสต์ในออนไลน์ว่า “สงสัยเหลือเกินว่าไม่มีใครกลัวเลยเหรอ? หรือคนที่ต้องรับผิดชอบเขาไม่กลัวพวกเราเป็นอะไรเลยเหรอ? คือเข้าใจว่ามันมาเป็นช่วงเวลานี้ของปีแล้วเดี๋ยวมันก็ไป แต่การดูแลให้ความรู้ หรือแม้แต่การแก้ไขอะไรสักอย่างในขณะที่วิกฤติไม่มีให้เห็นเป็นเรื่องเป็นราวเลย ต้องแจกและบังคับใส่หน้ากากกันฝุ่น พีเอ็ม 2.5 เพราะขนาดที่หมวกกันน็อกยังบังคับให้ใส่กันได้”

 

               ขณะที่ “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” นักร้องสาวชื่อดัง ก็โพสต์ว่าเกิดอาการตาอักเสบจากการออกไปแวะซื้อของเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น ถามคนไทยจะมีคุณภาพชีวิตแบบนี้จริงๆ หรือ โดยมีข้อความว่า “เรามาถึงจุดนี้กันแล้วใช่ไหมที่การไปออกกำลังกายข้างนอกคือการทำลายสุขภาพ การพาลูกออกไปเล่นข้างนอกคือการทำร้ายสุขภาพของเขา ท้องฟ้าข้างนอกมืดมัวปกคลุมไปด้วยละอองฝุ่นทั้งเมือง คนไทยจะมีคุณภาพชีวิตแบบนี้จริงเหรอ?

 

               นี่แค่ออกไปข้างนอก (และใส่มาส์กปิด) เพื่อแวะซื้อของแป๊บเดียวประมาณ 15 นาที แต่ผลที่ได้รับคือตาอักเสบจากมลพิษและฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ได้ขนาดนี้? เหมือนโดนคำสั่งให้ถูกกักบริเวณจับควบคุมตัวอยู่ในบ้าน #SaveUs #SaveOurChildren #SaveOurPlanet #WeNeedFreshAir"

 

               เช่นเดียวกับ “โบวี่" อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ดารานักแสดง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “รู้สึกเหมือนตัวเองจะได้รับผลจากฝุ่นพีเอ็ม สังเกตว่าเวลาออกไปเจอจุดที่ฝุ่นเยอะ แล้วจะรู้สึกระคายเคืองคอ วันต่อมาก็จะเป็นคออักเสบ ระคายเคืองมากทำให้นอนไม่ค่อยได้ ในช่วง 1-2 เดือนมีอาการแบบนี้มาประมาณ 4-5 ครั้งแล้ว”

 

               ส่วน “น้ำฝน” กุลณัฐ นักแสดงสาว ได้โพสต์ภาพสวมหน้ากากอนามัยระหว่างรอใช้บริการรถไฟฟ้า พร้อมข้อความ “ชีวิตคนกรุง!! อากาศเลว สงสารคนกรุง ไม่เคยคิดเลยว่ากรุงเทพฯ จะมาถึงจุดนี้ จุดที่ที่เราต้องช่วยกันให้อากาศกลับมาดีให้ได้”


               ด้าน วินัย ไกรบุตร นักแสดงชื่อดังอีกรายที่รักษาอาการป่วยตุ่มน้ำพอง ได้โพสต์ข้อความถึงอาการกำเริบจากฝุ่นละอองว่า “สวัสดีครับทุกคน เดินทางปลอดภัย ทำงาน ทำสิ่งใดขอให้สำเร็จทุกคนครับ ระวังสุขภาพด้วยครับ เมื่อคืนผมสงสัยเจอฝุ่น ตุ่มขึ้นหนักมาก ทั้งตัว อาการกำเริบหนักเลย ต้องระวังกันครับ”

 

               วันเดียวกัน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้มอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบก ส่งชุดเวชกรรมป้องกันออกให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตนและการดูแลสุขภาพพร้อมแจกจ่ายหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองเบื้องต้นให้ประชาชนตามชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีค่าฝุ่นละอองที่ส่งผลต่อสุขภาพ โดยจะดำเนินการต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

 

               สำหรับในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและสภาพอากาศมาอย่างต่อเนื่องและร่วมประชุมกับทางจังหวัดเตรียมรับมือและดูแลประชาชนแล้ว

 

               นอกจากนี้หน่วยทหารในพื้นที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรณรงค์สร้างการรับรู้และเร่งดำเนินมาตราเพื่อควบคุมสถานการณ์และลดปริมาณฝุ่นละออง เช่น การฉีดพ่นละอองน้ำ ห้ามเผาในที่โล่ง จัดตั้งจุดตรวจวัดควันดำรถบรรทุก รถโดยสาร และรถยนต์ส่วนตัว รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่เป็นต้น

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ