ข่าว

แชร์คุณน้องเทรดเงินผุดอีก เสียหาย 75 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชาวกระบี่บุกร้องดีเอสไอ ขอโอนสำนวนคดีแชร์เทรดเงินดิจิตอลจากสภ.เกาะลันตา ระบุถูกหลอกร่วมทุน "แชร์คุณน้องเทรดเงิน" ซื้อขายสกุลเงินตปท.-ธุรกิจเครื่องสำอาง


 

          กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) - 15 ม.ค. 2563 นายผดุงศักดิ์ เทียนไพโรจน์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นำชาวบ้านใน จ.กระบี่ ตรัง และชัยนาท จำนวน 20 ราย ยื่นหนังสือต่อพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้โอนคดีจาก สภ.เกาะลันตามาเป็นคดีพิเศษ กรณีถูกหลอกลวงให้นำเงินมาลงทุนกับแชร์คุณน้องเทรดเงินดิจิตอล ซึ่งเปิดให้ชาวบ้านเข้าร่วมลงทุนตั้งแต่เดือนต.ค.61 โดยสมาชิกสามารถเลือกการลงทุนใน 4 ประเภท ได้แก่ ลงทุนซื้อขายเงินบิทคอย ลงทุนซื้อขายเงินวันคอยน์ (Onecoin Crypotocurrency) ลงทุนเทรดเงินดิจิตอล และลงทุนทำธุรกิจเครื่องสำอางค์ โดยตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินกำหนด ต่อมาไม่มีการจ่ายเงินปันผลตามข้อตกลง เบื้องต้นพบว่ามีชาวบ้านในหลายจังหวัด โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกหลอกเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นมีมูลค่าความเสียหาย 75 ล้านบาท

 

          นางหนูพัด วะเจดีย์ ชาวบ้านหมู่ 5 ตำบลศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ กล่าวว่า ตนได้รับการชักชวนจากแม่ข่ายรายหนึ่งบนเกาะลันตาให้เข้าร่วมซื้อเหรียญ onecoin ตั้งแต่เดือนต.ค.61 โดยระบุว่าหากนำเงินมาลงทุน 100,000 บาท จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน 8,000 บาทต่อสัปดาห์ ครั้งแรกจึงนำเงินมาลงทุน 2 แสนบาท ได้รับค่าตอบแทน 16,000 บาท จึงตัดสินใจชักชวนญาติพี่น้องให้มาร่วมลงทุน เพราะว่าได้รับเงินปันผลเร็ว และตัดสินใจเพิ่มเงินลงทุนในครั้งอีก 300,000 บาท โดยนำที่ดินจำนวน 3 ไร่ 1 งาน ไปจำนองกับนายทุนเงินกู้ เสียดอกเบี้ยร้อยละ 3 และเพิ่มการลงทุน ในครั้งที่ 3 เป็น 600,000 บาท กระทั่งเดือนก.พ. 62 เริ่มไม่ได้รับเงินปันผล จึงสงสัยสอบถามไปที่แม่ข่ายได้รับคำตอบว่ากระดานล่ม ให้รอ และขอไม่ให้เข้าไปแจ้งความ พร้อมทั้งได้เซ็นเช็คเงินสดจำนวน 1.5 ล้านบาท สั่งจ่ายธนาคารกสิกรไทย สาขาเกาะลันตา เมื่อนำไปขึ้นเงินปรากฏว่าเช็คเด้ง จึงทราบว่าน่าจะถูกหลอก

 

          นางหนูพัด กล่าวอีกว่า นอกจากชาวบ้านในพื้นที่เกาะลันตาแล้ว ยังมีชาวบ้านจากกระบี่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ถูกแม่ข่ายรายนี้หลอกลวงโดยพลิกแพลงวิธีการไปเรื่อยๆ เฉพาะในพื้นที่เกาะลันตาพบว่ามี 6 แม่ข่าย หรือประมาณ 24 คน ทำหน้าที่ชักชวนชาวบ้านให้ร่วมลงทุน และใช้ชื่อเสียงของข้าราชการในพื้นที่สร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ทำให้คนหลงเชื่อนำเงินไปลงทุน โดยแม่ข่ายหัวหน้าทีมจะอ้างว่าตนเองมีความรู้ด้านการเทรดเงินตราระหว่างประเทศ และเป็น 1 ใน 21 คนของนักลงทุนในตลาดหุ้นและเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์ ชาวบ้านเห็นว่ามีข้าราชการเข้าไปร่วมลงทุนเป็นจำนวนมากจึงชักชวนกันไปลงทุน


          ด้านนายลอย ประคุณมาล์ ชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ตนมีอาชีพขายพวงมาลัยดอกไม้สด ได้เดินทางไปที่เกาะลันตา และได้รับการชักชวนจากญาติให้ร่วมลงทุนเทรดเงินดิจิตอล จึงลงทุนไป 100,000 บาท พร้อมชวนพี่สาวให้ร่วมลงทุนด้วยอีก 100,000 บาท ในช่วงแรกได้เงินปันผล 45,000 บาท แต่หลังจากเดือนก.พ.62 ก็ไม่ได้รับเงิน

 

          ขณะที่ แม่ข่ายรายหนึ่งที่เข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ ระบุว่า ตนเป็นแม่ข่ายของแชร์เทรดเงินดิจิตอลได้รับฝากเงินจากลูกข่ายจำนวน 13 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนเทรดเงิน ช่วงแรกได้รับเงินปันผลไปจ่ายคืนให้กับสมาชิกทุกราย แต่ต้นก.พ.62 ได้รับแจ้งจากหัวหน้าทีมแม่ข่ายว่าเศรษฐกิจไม่ดี การเทรดเงินขาดทุน ล่มทั้งกระดาน ขอให้รอการจ่ายปันผลพร้อมเขียนเช็คให้จำนวน 50 ล้านบาท แต่ตนกลัวติดคุกจึงมาร้องทุกข์กับดีเอสไอ


          ด้านร.ต.อ.ธรรศ เลาห์ทวี รอง ผอ.กองธุรกิจการเงินนอกระบบ กล่าวว่า เบื้องต้นจะให้ผู้เสียหายทั้งหมดทยอยเข้ามาเขียนคำร้องไว้ จากนั้นพนักงานสอบสวนกองธุรกิจการเงินนอกระบบจะตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าวมีพฤติการณ์เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ และมูลค่าความเสียหายมากพอที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งจากพฤติการณ์เบื้องต้นคล้ายกับแชร์ออมเงินแม่มณี ส่วนที่ชาวบ้านกังวลว่าหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีได้นั้น ยืนยันว่าไม่ต้องกังวล หากการสอบสวนเกี่ยวพันถึงใครไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ก็ต้องถูกดำเนินคดี

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ