ข่าว

(ฉบับเต็ม) เพิ่มโทษคุก 2 ปี 14 เดือน เปรมชัย คดีล่าเสือดำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เพิ่มโทษถ้วนหน้า "เปรมชัย"-ลูกน้อง-แม่ครัว-พรานแกละ เจ้าสัวจากคุก 16 เดือน เป็น 2 ปี 14 เดือนไม่รอลงอาญา รอลุ้นสู้ฎีกาอีกยก

       
 

                 

              12 ธ.ค.62 - ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ เช้าวันนี้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในคดีหมายเลขดำ อ.219/2561 ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คน ในความผิดฐานร่วมล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และมีคำขอให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 3,012,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ

 

 

 

 

              (ฉบับเต็ม) เพิ่มโทษคุก 2 ปี 14 เดือน เปรมชัย คดีล่าเสือดำ

 

 

                กรณีทั้งสี่ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร วันที่ 3-4 ก.พ.61 ได้ครอบครองซากเสือดำ (ตรวจสอบ อายุ 3-5 ปี น้ำหนัก 30 กก.) ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ และซากไก่ฟ้าหลังเทา น้ำหนัก 0.6 กก.ที่อยู่ในถังน้ำแข็ง อันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก็ได้เข้ามาเป็นผู้ร้อง ยื่นคำขอให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งด้วยโดยให้ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหาย 12,750,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีที่เสือดำถูกยิงตาย โดยอ้างอิงตัวเลขค่าเสียหายนั้นเปรียบเทียบกับโครงการเพาะพันธุ์และอนุรักษ์พันธุกรรมเสือโคร่งเพื่อคืนสู่ถิ่นกำเนิดในธรรมชาติ และคิดจากอัตราการรอดตาย ร้อยละ 20 ในการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ



                จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัวชั้นพิจารณา
                ซึ่งคดีนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ที่เป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อปี 2562 ให้จำคุก "นายเปรมชัย กรรณสูต" อายุ 65 ปี ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 รวม 3 ข้อหา ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน , ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา น้ำหนัก 0.6 กก.) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน เป็นจำคุกทั้งสิ้น 16 เดือน โดยให้ยกฟ้อง 2 ข้อหาฐานร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)

 

 

           (ฉบับเต็ม) เพิ่มโทษคุก 2 ปี 14 เดือน เปรมชัย คดีล่าเสือดำ

 

                "นายยงค์ โดดเครือ" อายุ 67 ปี คนสนิทและคนขับรถของนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 3 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน , ร่วมกันพาอาวุธไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 13 เดือน โดยยกฟ้อง 2 ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
 

 

                "นางนที เรียมแสน" อายุ 45 ปี แม่ครัว จำเลยที่ 3 ลงโทษเพียงข้อหาเดียว ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4 เดือน และปรับเป็นเงินอีก 10,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ซึ่งศาลยกฟ้อง 3 ข้อหาฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่มีเหตุสมควร
 

 

(ฉบับเต็ม) เพิ่มโทษคุก 2 ปี 14 เดือน เปรมชัย คดีล่าเสือดำ

 

              "นายธานี ทุมมาศ" หรือพรานแกละ อายุ 58 ปี จำเลยที่ 4 ให้จำคุกข้อหา 6 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน , ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , พยายามล่าสัตว์ (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 4 เดือน , ล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 1 ปี และเก็บของป่า (ซากสัตว์) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำคุก 1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี 17 เดือน
 

                และให้ "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1 และ "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 2 ล้านบาท (มูลค่าความเสียหายเสือดำ) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 (วันที่เจ้าหน้าที่พบการกระทำผิด) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

                ต่อมาอัยการโจทก์ และจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล พร้อมฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์
 

                ขณะที่ "ศาลอุทธรณ์ภาค 7" ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 , 31 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง , 47 , 55 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 
 

                โดย นายเปรมชัย จำเลยที่ 1, นายยงค์ คนขับรถนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 , นายธานี ที่เป็นนายพราน จำเลยที่ 4 กระทำผิด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16,36,47,53 กับพ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสอง , ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธมีดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงฐานเดียว

               

                และจำเลยที่ 2,4  มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ขณะที่จำเลยที่ 4 ผิดพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 36,53 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 
 

                ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันทําให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 1 ปี และปรับนางนที แม่ครัวจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท
 

                ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือด้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท
 

                ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต กับฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใดซึ่งซากของสัตว์ป่า (ไก่ฟ้าหลังเทา) อันได้มาโดยการกระทำความผิดนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จําคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 2 เดือนและปรับจำเลยที่ 3  เป็นเงิน 10,000 บาท
 

             ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 1,2,4  คนละ 1 ปี 
 

                โดยเมื่อรวมกับโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำคุกจำเลยที่ 2,4 คนละ 3 เดือนในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตโทษกับโทษจำคุก 6 เดือนจำเลยที่ 1 , 2 , 4  ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโทษจำคุกจำแลยที่ 4 เป็นเวลา 4 เดือนในความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้ว



                จึงจำคุก "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1  มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน , "นายยงค์" คนขับรถ จำเลยที่ 2  มีกำหนด 2  ปี 17 เดือน และจำคุก "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน
 

 

                ส่วน "นางนที" แม่ครัว จำเลยที่ 3 จำคุกมีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาทโดยโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (จากเดิมศาลชั้นต้นจำคุก 4 เดือนและปรับ 10,000 บาท ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองเสือดำและไก่ฟ้าหลังเทาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้ 2 ปีโดยยกฟ้อง 3 ข้อหาเกี่ยวกับความผิดอาวุธปืน) 
 

                และศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่ผู้ร้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (เดิมศสลชั้นต้นให้ "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1 และ "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานฯ 2 ล้านบาทที่เป็นมูลค่าความเสียหายเสือดำ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 ซึ่งเจ้าหน้าที่พบการกระทำผิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ)
 

                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ยังสามารถยื่นฎีกาได้อีกภายใน 1 เดือนนับจากที่มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้
 

                โดยคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นี้ ได้เพิ่มโทษของจำเลยทุกคน ซึ่งในส่วนของนายเปรมชัยนั้นก็ยังได้มีความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในลักษณะเป็นตัวการร่วม จากเดิมที่ได้ถูกลงโทษฐานเป็นเพียงผู้สนับสนุนการล่าสัตว์ป่า     

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ