ข่าว

'ณพ-คุณหญิงก่อแก้ว'บริสุทธิ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทนายยัน"ณพ ณรงค์เดช-คุณหญิงกอแก้ว"บริสุทธิ์ หลังถูก "ดร.เกษม"ฟ้องปลอมเอกสาร

          จากกรณีที่ นายเกษม  ณรงค์เดช ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา  เป็นจำเลยที่ 1 นายณพ ณรงค์เดช จำเลยที่ 2 และ นายสุรัตน์  จิรจรัสพร จำเลยที่ 3 กล่าวหาว่ากระทำความผิดในฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม ตาม ป.อ.มาตรา 268 ,83 ประกอบมาตรา 264, 265 ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นได้ไต่สวนมูลฟ้องเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2561 และมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์ได้อุทธรณ์อีกครั้ง ซึ่งเมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาคำฟ้องแล้ว  จึงมีคำพิพากษากลับให้ศาลอาญารับคดีไว้พิจารณา เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสนำพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลต่อไปนั้น

          ความคืบหน้าวันที่ 1 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา รัชดาฯ  นายวิญญัติ ชาติมนตรี  ทีมทนายของนายณพ ณรงค์เดช คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา  และนายสุรัตน์​ จิรจรัสพร​ กล่าวว่า  กรณีที่เกิดขึ้นต้องขอชี้แจงว่าสถานะของคดี ณ วันนี้ คือวันนัดสอบคำให้การฝ่ายลูกความของตน ซึ่งได้ยืนยันในความบริสุทธิ์และพร้อมต่อสู้ทั้งได้ดำเนินการรักษาสิทธิของตนตามกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด  จากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในศาลชั้นต้น ซึ่งจะมีการรับฟังพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง

           "เราไม่หนักใจในข้อกล่าวหา เรื่องนี้ศาลชั้นต้นได้เคยพิพากษายกฟ้องโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาแล้ว เพราะพยานหลักฐานโจทก์ตามข้อกล่าวหาไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง" นายวิญญัติ กล่าว

          นายวิญญัติ อธิบายต่อว่า ที่ก่อนหน้านี้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์  เนื่องจากคดีอาญาโจทก์มีภาระการพิสูจน์เสมอ  เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ตามข้อกล่าวหาไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง  ไม่สามารถพิสูจน์พฤติการณ์ตามที่กล่าวหาได้ ก็ยกฟ้อง ส่วนที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้พิจารณาก็เพื่อให้มีกระบวนการพิสูจน์ของโจทก์ ด้านฝ่ายลูกความตนย่อมมีสิทธินำพยานหลักฐานหักล้างต่อสู้กัน เราขอทำความเข้าใจว่า  การกลับมาพิจารณาในชั้นนี้ คดียังไม่ใช่การชี้ขาดว่ามีความผิดตามฟ้อง  การพิจารณาคดีจำต้องใช้เวลาในการสืบพยานทั้งสองฝ่ายต่อไป 

          โดยนายณพและจำเลยทุกคนย่อมมีสิทธิ์นำพยานหลักฐานมาหักล้างเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์   ดังนั้นสังคมหรือผู้สนใจต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ ลูกความของตนถูกกล่าวหาจากข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่โจทก์นำเสนอมาฝ่ายเดียวตามคำฟ้อง  ซึ่งเรียกว่า “ระบบกล่าวหา“ คนที่ไม่เข้าใจหรือคิดเองล่วงหน้ามักมองผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนผิดไว้ก่อน อย่างนี้คือวัฒนธรรมที่ขัดต่อหลักการทางกฎหมายและขัดต่อหลักนิติธรรม    

          "ขอเรียนย้ำว่าคดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว ลูกความทุกคนยังมิได้ถูกตัดสินถึงที่สุดว่ามีความผิด และพร้อมต่อสู้เต็มที่ด้วยพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงต่อศาลต่อไป  จึงขอยืนยันความผู้บริสุทธิ์ของทุกคน  และขอให้ทุกฝ่ายที่สนใจได้เฝ้ารอการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุดก่อน" นายวิญญัติ กล่าวย้ำ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ