ข่าว

GEN Yใช้เงินมือเติบกับ'ของมันต้องมี' 8 เท่าของไฮสปีดเทรน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตกใจ!! เปิดพฤติกรรม GEN Y เสียเงินกับ 'ของมันต้องมี' ระบุ มือถือ รถยนต์ เสื้อผ้าฯลฯ สูงถึงปีละ 1.37 ล้านล้านบาท หรือ 8 เท่าของไฮสปีดเทรน

 

 

          ทีเอ็มบี จับมือบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดพฤติกรรม GEN Y วัยสร้างหนี้ และแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน 40 พบกลุ่ม GEN Y เสียเงินกับของมันต้องมีปีละ 1.37 ล้านล้านบาท หรือ 8 เท่าของไฮสปีดเทรน

           

 

 

          นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics เปิดเผยผลการศึกษาพฤติกรรมการเงินจากข้อมูลโซเชียลมีเดียของคน GEN Y ที่มีจำนวน 14.4 ล้านคน อายุ 23-38 ปี พบว่า ความหวัง “ของมันต้องมี” ก่อนอายุ 40 คือ อยากมีบ้าน ร้อยละ 48 รถยนต์ ร้อยละ 22 ขณะที่อยากมีเงินออมและสินทรัพย์อื่นๆ ประมาณร้อยละ 13 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับ GEN Y เมื่อวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษา พบว่า ยอดใช้จ่ายในกลุ่มสินค้า “ของมันต้องมี” ถึงร้อยละ 69 ขณะที่รายการซื้อบ้าน ซื้อรถที่เป็นความฝันมีสัดส่วนลดลงมาก รวมทั้งสัดส่วนเงินออมมีไม่ถึงร้อยละ 10

 

          นายนริศ กล่าวว่า โดยเฉลี่ย GEN Y หมดเงินไปกับ “ของมันต้องมี” เฉลี่ย 95,000 บาทต่อคนต่อปี หรือ 1 ใน 4 ของรายได้ 377,694 บาทต่อคนต่อปี ส่วนใหญ่เป็นการซื้อสมาร์ทโฟน เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ และเมื่อขยายภาพแต่ละปี กลุ่ม GEN Y ใช้เงินกับ “ของมันต้องมี” ถึงปีละ 1.37 ล้านล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าเทียบได้กับร้อยละ 13 ของรายได้ประเทศ (GDP) หรือ 8 เท่าของมูลค่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือร้อยละ 91 ของมูลค่าการลงทุนใน EEC 5 ปี

         

          สาเหตุที่ GEN Y อยากได้ของมันต้องมี เป็นเพราะซื้อตามเทรนด์กลัวเอาต์ ร้อยละ 42 มากกว่ามองเป็นของจำเป็นร้อยละ 37 โดยเงินที่ใช้นั้น คนส่วนใหญ่ร้อยละ 70 หรือ 10 ล้านคน บอกมีเงินไม่พอ แต่ใช้การกู้จากธนาคาร และใช้บัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสดในการใช้จ่าย และเมื่อลงรายละเอียด พบว่า มากกว่าร้อยละ 79 ของ GEN Y หรือ 7.5 ล้านคน มีการผ่อนชำระที่ต้องเสียดอกเบี้ย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ร้อยละ 20

 

       อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :  คนรุ่น'เจน วาย'เสพติดสมาร์ทโฟน

 

 

 

             นอกจากนี้ GEN Y มีลักษณะเข้าทำนองฝันไกลแต่ไปไม่ถึง สะท้อนจาก GEN Y ที่เริ่มต้นทำงานเฉลี่ยตั้งเป้าอยากมีเงินเก็บ 6 ล้านบาท แต่จะออมเงินแค่เฉลี่ยเดือนละ 5,500 บาท ซึ่งถ้าเก็บเงินด้วยอัตรานี้ต้องใช้เวลาถึง 90 ปี จึงจะถึงเป้าหมาย

 

          นายนริศ กล่าวว่า แนะนำให้ GEN Y ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างวินัยทางการเงิน โดยลดเงินที่ใช้กับ “ของมันต้องมี” ลงร้อยละ 50 ควบคุมกับการวางแผนการเงิน โดยเพิ่มการออมให้ถูกที่ จากปัจจุบันที่ออมในบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปที่ดอกเบี้ยต่ำ หากทำสำเร็จ GEN Y จะมีเงินสะสมเพิ่มขึ้น 43,000 บาทต่อปี เมื่อเวลาผ่านไป 10-30 ปี จะสามารถซื้อทรัพย์สินตามที่เคยตั้งความหวังไว้ได้

 

 

GEN Yใช้เงินมือเติบกับ'ของมันต้องมี' 8 เท่าของไฮสปีดเทรน

                 นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics

 

          จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า GEN Y จำนวน 14.4 ล้านคน มีการกู้เงิน 7.2 ล้านคน หรือร้อยละ 50 ของ GEN Y ทั้งหมด โดยมีภาระหนี้ 423,000 บาทต่อคน และร้อยละ 20 ที่กู้ หรือ 1.4 ล้านคน เป็นหนี้ผิดนัดชำระ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 7.1 ของสินเชื่อทั้งหมดที่มีการผิดนัดชำระหนี้

 

           ขณะที่นักวิชาการด้านการเงินรายหนึ่งระบุว่า ข้อมูลบางส่วนของ GEN Y พบว่าร้อยละ 40 ต้องการซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะการซื้อบ้านนับเป็นการลงทุนในอนาคต อีกทั้งเป็นการออมที่เพิ่มมูลค่า ดีกว่าการซื้อของใช้ที่ฟุ่มเฟือย เช่น รถยนต์ หรือมือถือ เครื่องสำอาง  เสื้อผ้า เพราะค่าเงินลดทันทีที่จ่ายเงินซื้อของเหล่านี้ 

 

          "คน GEN Y หรือมนุษย์เงินเดือนทั่วไป  ควรเริ่มต้นการออม ตั้งแต่ 3 ปีแรกของการทำงาน  หากเงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ควรจะเก็บออมเงินเดือนละ 2,700 บาท ประมาณ 3 ปี หรือ 36 เดือน จะมีเงินออม 100,000 บาท  สามารถนำเงินจำนวนนี้ไปลงทุนในกองทุนต่างๆ ที่ไม่มีความเสี่ยงสูง แต่สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่แนะนำลงทุนทองคำเพราะมีความผันผวนสูง" นักวิชาการด้านการเงิน รายเดิมระบุ

  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ