ข่าว

7 ข้อควรทราบ ก่อนดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หมอยก 7 ข้อควรทราบ ก่อนดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรใช้ไม่ระวังก็อันตรายแม้เป็นของขวัญจากธรรมชาติ

 

18 พศจิกายน 2562 นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ชะลอวัย กล่าวว่า สมุนไพรคือของขวัญจากธรรมชาติหากใช้อย่างไม่ประมาท ความสามารถของแพทย์ไทยเราในการรักษาโรคด้วยยานั้นมีชื่อเสียงมานานจากการทำงานด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย 

 

ในด้านการสอนนิสิตเภสัชมหิดลทำให้ได้ทราบความก้าวหน้าด้านสมุนไพรรักษาในบ้านเราเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้หลายประเทศทั่วโลกก็มีงานวิจัย ดังมีบทความจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ให้ข้อมูลน่าสนใจไว้ว่าอาหารเสริมสมุนไพรนั้นไม่เหมือนยาแผนปัจจุบันอย่างหนึ่งคือแต่ละรุ่นของสมุนไพรหรือการผลิตนั้นไม่ได้มีกฏว่าต้องทำมาตรฐานเหมือนกันเป๊ะๆรุ่นต่อรุ่น เพราะมันเป็นของธรรมชาติ ทุกวันนี้มีคนใช้สมุนไพรมีทุกเพศวัย ไม่ใช่เพียงคนแก่หัวเก่าเท่านั้น เรียกว่าคนสมัยใหม่มีฐานะไปจนถึงครูบาอาจารย์คนมีการศึกษาระดับด็อกเตอร์ก็ใช้กัน

 

นพ.กฤษดา กล่าวว่า ดังนั้นมันจึงควรต้องรู้การ "เตรียมตัว" ไว้ก่อนกินสมุนไพรบ้าง นพ.กฤษดา กล่าวว่า แนวทางปฏิบัติจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ในเรื่องความปลอดภัยของสมุนไพรบำบัดและการติดตามความปลอดภัยจากการใช้ยา คือให้คิดถึงยาสมุนไพรว่าเหมือนกับยาแผนปัจจุบันที่มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาใหญ่ที่มักพบคือการใส่ "ส่วนประกอบลับ" ที่เป็นสารอันตรายเข้าไป เช่น สเตียรอยด์ หรือยาแก้ปวดพวกเอ็นเสด

 

ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ได้ยกตัวอย่างปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยจากยาสมุนไพรที่ขอเลือกมาชนิดที่อาจพบในบ้านเราได้ อาทิ อาการจากพิษสเตียรอยด์เรื้อรัง ดังเช่น ตัวบวม ความดันตาขึ้น กดต่อมหมวกไต ทำให้ติดเชื้อง่าย เพราะเคยมีพบสาร betamethasone ราว 0.1-0.3 มิลลิกรัมในผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางชนิด อีกหนึ่งอาการคือ เลือดไหลง่าย หยุดยาก มีรอยช้ำจ้ำเลือดใต้ผิวหนังรวมทั้งเลือดออกในสมอง ดังมีรายงานจาก WHO ว่าอาการเลือดออกที่ว่านี้มาจากการใช้ "แปะก๊วย" ทั้งนี้ มียาสมุนไพรยอดนิยมบางชนิดที่ใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันอย่างยา interferon ที่เป็นโปรตีนไปสู้กับการติดเชื้อในร่างกายแล้วทำให้เกิดอาการอักเสบในเนื้อปอดอย่างรุนแรง 

 

 

 7 ข้อควรทราบ ก่อนดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร

 

 

อย่างไรก็ตาม นพ.กฤษดา บอกว่า เมื่อฟังแล้วก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะสมุนไพรนั้นถ้าใช้ให้ดีให้รอบคอบก็จะตอบโจทย์ได้ไม่เสี่ยงจนเกินไป แค่ขอให้ยึดหลัก "อัปมาทธรรม" ไว้คือความไม่ประมาทในการใช้ยาสมุนไพรด้วยหลักง่าย ๆ คือ 1.ต้องรู้ในสิ่งที่เราใช้ ให้ทราบว่าเรากำลังใช้สมุนไพรอะไรอยู่บ้าง อย่างยาแผนไทยก็ควรรู้ว่าสูตรนี้มีสมุนไพรใดประกอบ ควรต้องตอบโจทย์ได้ว่าเราใช้เพื่ออะไร ไม่ใช่กินตามเพื่อนหรือแค่อยากลองเพราะว่าเป็นสูตรลับระดับตำนาน เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็นได้  2.ให้ระวังในคนท้อง สตรีตั้งครรภ์ควรฝากท้องและต้องปรึกษาสูตินรีแพทย์ประจำตัวถ้ามีอะไรไม่ชัวร์หรือจะใช้ยาสมุนไพรในระหว่างตั้งครรภ์ ตัวอย่างเช่น "ตังกุย" ที่ใช้รักษาอาการปวดท้องประจำเดือนไปจนถึงความดันสูงแต่ถ้าระหว่างตั้งครรภ์อาจไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวแทน

 

3.ต้องใส่ใจในเด็ก มนุษย์เด็กมีความต่างจากผู้ใหญ่ในแง่เมตาโบลิซึม,ภูมิคุ้มกัน,ระบบย่อยอาหารและระบบประสาทซึ่งกำลังพัฒนา ยาสมุนไพรหลายชนิดจึงต้องใช้อย่างรอบคอบเช่นสมุนไพรฝรั่งตัวหนึ่งชื่อ St.John's wort อาจตีกันกับยากันชักในเด็กได้ หรือสมุนไพรที่มีวิตามินซีอาจมีผลกับกระบวนการจัดการยาพาราเซตามอลที่เด็กกินให้ช้าลง 4. เช็คความคลีนไม่ปนเปื้อน ให้ดูแลเรื่องของสารปนเปื้อนและปลอมปนที่คนอาจใส่เข้ามาในกระบวนการผลิตยาสมุนไพร ไม่ใช่แค่ดูความสะอาดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องดูให้ลึกถึงมาตรฐานการผลิต เช่นยาลดความอ้วนที่มาจากสมุนไพรก็ต้องแน่ใจว่าไม่ได้มียาลดอ้วนที่เป็นยาควบคุมถูกใส่เข้ามาอย่างเฟนเทอร์มีนและเฟนฟลูรามีน

 

5. เตือนตัวเองเรื่องตับ-ไต สมุนไพรและยาที่รับประทานจำนวนมากที่ไหลเวียนเข้ากระแสเลือดผ่านตับ-ไตของเรา ดังมีภาวะตับอักเสบจากสารพิษ(toxic hepatitis)ที่นำไปสู่ตับแข็งและตับวายได้ซึ่งอาจเกิดได้จากสมุนไพร หรืออย่างสมุนไพรลดน้ำหนักตระกูลไคร้เครือ(Aristolochia)ที่ทำให้เกิดภาวะไตอักเสบและนำไปสู่ไตวายได้

 

6. อย่านอนใจอาจแพ้ได้ สมุนไพรก็ไม่ต่างจากยาแผนปัจจุบันที่เราท่านอาจแพ้ได้ ดังนั้นจึงควรต้องรอบคอบไว้ หากมีอาการแพ้รุนแรงเช่นมีผื่นลมพิษขึ้น หายใจเหนื่อย แน่นหน้าอก มีเสียงหวีดเวลาหายใจ ก็ควรต้องรีบไปพบแพทย์เพราะอาจเป็นอาการแพ้รุนแรงแบบ anaphylaxis

 

7. สมุนไพรช่วยได้แต่อย่าเทยาหมอ ยาจากธรรมชาติเป็นของดีที่ช่วยชีวิตเรามานับแต่สมัยพ่อแม่บรรพบุรุษนับพันปี แต่ยุคนี้ก็มียาแผนปัจจุบันที่ช่วยเราได้อยู่ จึงขอให้ดูใช้ยาสมุนไพรแบบไม่ประมาทนั่นคือการไม่หยุดยาประจำที่รักษาโรคอยู่เอง เช่นเป็นเบาหวานอยู่ก็อย่าเพิ่งไปหยุดยาของคุณหมอเขาเพราะเราอยากกินยาสมุนไพรที่เพื่อนแนะนำ

 

 


 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ