ไทย-ไต้หวัน ร่วมมือทางการแพทย์สู้มะเร็งปอดจาก PM2.5

 

 

           นางนีน่า เกา เสี่ยวหลิง ประธานบริหาร ศูนย์ภารกิจทางการแพทย์ต่างประเทศ รพ.จางฮั่วคริสเตียน เปิดเผยว่า รพ.จางฮั่วคริสเตียน ร่วมมือกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จัดกิจกรรมเวิร์คชอปการบริการพยาบาลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในระดับชุมชนสำหรับเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในประเทศไทย เพื่อตอบสนองสถานการณ์การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในไทย พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรทางการแพทย์ต่างๆ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข รพ.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางการแพทย์ระหว่างไทยกับไต้หวัน 

 

 

          นอกจากนี้ยังได้นำคณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากไต้หวันมายังประเทศไทย จัดงานสัมมนาการป้องกันกลุ่มโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง : มะเร็งปอดชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา เนื่องจากสถานการณ์มลพิษทางอากาศของประเทศไทยที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่จะมีปริมาณ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน จนนำไปสู่ตัวเลขผู้ป่วยโรคปอดที่เพิ่มสูงขึ้น 

 

          นางนีน่า เกา เสี่ยวหลิง กล่าวอีกว่า รพ.จางฮั่วคริสเตียนยังได้ร่วมมือกับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย, สมาคมส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงสุขภาพนักธุรกิจไต้หวันแห่งประเทศไทย, บริษัทไอเมดแทค จำกัด (มหาชน), บริษัทยูนิสัน เฮลท์แคร์กรุ๊ป และสื่อภาษาจีนเกี่ยวกับประเทศไทยวิชั่นไทย จัดงานสัมมนาการป้องกันกลุ่มโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง : มะเร็งปอดชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา ขึ้นในวันที่16 พ.ย.นี้ ที่โรงแรมดิเอเมอรัลด์ กรุงเทพฯโดยมีนายแพทย์หลินชุนเหว่ยมาเป็นผู้บรรยาย แบ่งปันวิธีการรักษาและการป้องกันกลุ่มโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง : มะเร็งปอดชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา

 

 

          ขณะเดียวกัน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และกระทรวงสาธารณสุข ได้เชิญชวน รพ.จางฮั่วคริสเตียนร่วมกันจัดกิจกรรมเวิร์คชอปการบริการพยาบาลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในระดับชุมชนสำหรับเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในประเทศไทย ในวันที่ 18 -19 พ.ย.นี้ โดยมอบหมายให้นพ.หวังเหวินฝู่ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลลู่กังคริสเตียน เขตฉางชิง, นพ.หวงซงเหยียน แพทย์ประจำแผนกแพทย์แผนจีน รพ.จางฮั่วคริสเตียน และโจว เจียนี หัวหน้าพยาบาลดูแลผู้ป่วยระยะยาว มาเป็นผู้บรรยาย พร้อมแบ่งปันประสบการณ์การส่งเสริมการพยาบาลผู้สูงอายุระยะยาวในไต้หวัน โดยมุ่งหวังให้เกิดการส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาพยาบาลระยะยาวสำหรับผู้ป่วยที่มีความต้องการได้

 

 

          เนื่องจากตามข้อมูลสถิติของธนาคารโลก ในปี2558 ประเทศไทยมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากถึง 12% ของประชากรทั้งหมด และเริ่มเข้าสู่ภาวะ “สังคมผู้สูงอายุ” นอกจากนี้ ทางสหประชาชาติ (UN) ยังคาดการณ์ไว้ว่าเมื่อถึงปี 2573 อัตราส่วนประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทยจะพุ่งสูงถึง 20% ของประชากรทั้งหมด และเข้าสู่ภาวะ “สังคมผู้สูงอายุ” อย่างเต็มตัว ด้วยเหตุนี้ การดำเนินการนโยบายส่งเสริมสุขภาพ นโยบายสำหรับผู้สูงอายุ นโยบายการพยาบาลในระยะยาว ฯลฯ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเริ่มหันมาให้ความสนใจโดยเร็วที่สุด

          นอกจากนี้ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ รพ.จางฮั่วคริสเตียนจะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และรพ.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางการแพทย์ระหว่างไทยและไต้หวันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และยังช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางการรักษาของไต้หวัน พร้อมนำเทคโนโลยีการรักษาหลากหลายแขนงจากไต้หวันมาแบ่งปันสู่ประเทศไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายความร่วมมือเชิงธุรกิจของนโยบายมุ่งใต้ใหม่ของไต้หวันด้วยคุณภาพทางการแพทย์ และการส่งเสริมการรักษาด้วยระบบอัจฉริยะที่พัฒนาก้าวหน้าเป็นอย่างมากของไต้หวัน ทำให้หลายปีที่ผ่านมานี้  รพ.จางฮั่วคริสเตียนได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรทางการแพทย์ต่างๆ ของไทยหลายองค์กรด้วยกัน อาทิ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยรังสิตและโรงพยาบาลในสังกัด รวมถึงโรงพยาบาลตำรวจ ฯลฯ