เมียบิลลี่ลุ้นหมายจับ ดีใจคดีคืบหน้ามาถึงวันนี้

“เมียบิลลี่” ลุ้นหมายจับศาล ดีใจคดีคืบหน้า เชื่อในกฎแห่งกรรม จ่อยื่นหนังสือร้อง “สมศักดิ์” มอบ “กรวัชร์” คุมคดีบิลลี่จนถึงที่สุด ระบุ ไม่ติดใจผู้ต้องหา แค่อยากให้สารภาพยอมรับกับสังคม ขณะที่ ผอ.นิติวิทย์ แย้มข่าวดี สกัดดีเอ็นเอจากกระดูกได้มากขึ้น

          ราชบุรี - 11 พ.ย. 2562 นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นำน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่ง-บางกลอย เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หลังดีเอสไอขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 ราย เพื่อขอให้พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับผิดชอบสอบสวนคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อ พร้อมเร่งรัดให้ออกพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และออกมาตรการในการคุ้มครองปกป้องนักสิทธิมนุษยชน

          นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนขอให้รมว.ยุติธรรมเร่งดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ ขอให้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้พ.ต.ท.กรวัชร์ เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนหรือเป็นผู้รับผิดชอบทำคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อไป แม้ผู้ที่รับช่วงต่อจะมีความสามารถ แต่ไม่เคยทำคดีนี้มาก่อน อาจต้องใช้เวลาศึกษาทำให้คดีมีความล่าช้าไม่ต่อเนื่อง และขอให้นำร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย เข้าสู่การประชุมของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมให้เร่งตราเป็นกฎหมายโดยเร็ว และขอให้มีมาตรการป้องกันและคุ้มครองนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยจัดทำข้อมูล white list เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล เนื่องจากก่อนหน้านี้กรมคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพเคยยกร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว แต่หลังจากมีการเปลี่ยนอธิบดีคนใหม่เรื่องก็เงียบหายไป จึงอยากให้เร่งดำเนินการ

          นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ว่า ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับยังไม่ใช่ผู้ที่กระทำความผิด เพียงแต่เป็นผู้ที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลที่สงสัยก็ต้องเปิดโอกาสให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

          ด้าน น.ส.พิณนภา กล่าวว่า ดีใจที่พ.ต.ท.กรวัชร์ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น แต่ชาวบ้านบางกลอยต้องการให้พ.ต.ท.กรวัชร์ ทำคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อจนจบ จึงต้องการให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งให้พ.ต.ท.กรวัชร์รับผิดชอบคดีดังกล่าวจนกว่าคดีความจะถึงที่สุด สำหรับตนหลังจากทราบว่าผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ถูกดีเอสไอร้องขอให้ศาลออกหมายจับ ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร แค่อยากให้เขารับสารภาพและออกมาขอโทษสังคม กล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป เพราะเรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น หากเกิดกับครอบครัวของผู้ต้องหาเองจะรู้สึกอย่างไร คนที่กล้าทำความผิดก็ควรกล้าออกมายอมรับความผิดที่ตนเองทำ

          “อยู่ในหมู่บ้านบางครั้งก็กลัว บางครั้งก็ไม่กลัว จะรู้สึกกลัวเมื่อชาวบ้านถามว่าออกมาเรียกร้องสิทธิให้บิลลี่ ไม่กลัวถูกอุ้มหายหรือ แต่ตอนนี้คดีมีความคืบหน้าก็ไม่กลัวแล้ว และดีใจที่ดีเอสไอทำให้คดีมีความคืบหน้า แตกต่างจากความรู้เมื่อก่อนที่ไม่มีความหมายอะไรเลย ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะอนุมัติหมายจับหรือไม่ และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม” น.ส.พิณนภา กล่าว

          ขณะที่ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวถึงการตรวจพิสูจน์หาสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ จากวัตถุพยานชิ้นกระดูก 8 ชิ้น ที่ดีเอสไองมขึ้นมาจากร่องน้ำลึกในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอชิ้นส่วนกระดูก ซึ่งเป็นขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ ยังตอบไม่ได้ว่าดีเอ็นเอที่พบจะเพียงพอและสามารถนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของนายบิลลี่ได้หรือไม่ เบื้องต้นบอกได้เพียงว่าวัตถุพยานสามารถสกัดสารพันธุ์กรรม ได้มากกว่าชิ้นส่วนกะโหลกชิ้นแรก ที่นำไปตรวจสอบเปรียบเทียบไมโทรคอนเดีย ตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของนายบิลลี่