ข่าว

อนุทิน ซัด สถานทูตมะกัน แทรกแซงแบน 3 สาร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อนุทิน" อ้าง "คกก.วัตถุอันตาย" แบน 3สาร ทำภายใต้กฎหมายไทย ถาม "สถานทูตมะกัน" บอก ไม่ให้แบน "ไกลโฟเซต" จะมาใหญ่กว่าได้อย่างไร

 

 

          เมื่อวันที่ 24 ต.ค.62 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติยกเลิกการผลิต นำเข้า จำหน่าย และการใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ประกอบด้วย พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะที่ทางสถานทูตสหรัฐอเมริกา ส่งหนังสือถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขอไม่ให้ไทยยกเลิกสารไกลโฟเซต เนื่องจากระบุว่ายังหาสารทดแทนอื่นไม่ได้นั้น

 

          นายอนุทิน กล่าวว่า เราใช้กฎหมายไทย โดยคณะกรรมการวัตถุอันตรายเป็นผู้ดำเนินการภายใต้กฎหมายไทย และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ส่วนนี้คือคำตอบ ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติออกมาแล้วจะต้องทำตามมติดังกล่าว เมื่อมติบอกให้แบน แล้วคนอื่นจะมาบอกไม่ให้แบนจะมาใหญ่กว่าคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้อย่างไร เพราะเขาทำภายใต้กฎหมาย

 

          นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า ส่วนจะต้องส่งหนังสือชี้แจงกลับไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ก็แล้วแต่ เพราะหนังสือไม่ได้ส่งมาที่ตน แต่ขอย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุขดูแลในเรื่องสุขภาพของประชาชน ดังนั้น อะไรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจะสนับสนุนไม่ได้ ส่วนเรื่องการหาสารทดแทน ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงฯ เพราะเรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงอื่นที่จะต้องหาวิธี เช่น กระทรวงเกษตรฯ เขาย่อมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหาสารทดแทน ตนก็ไม่ได้คุย น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ว่ามีตัวไหนมาทดแทนได้บ้าง เพราะต่างคนต่างทำงาน มีรมว.เกษตรฯ คอยกำหนดนโยบาย ซึ่งรมช.เกษตรฯ จะกำหนดเองไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ชีวิตคนและสุขภาพของคนนั้นหาอะไรมาทดแทนไม่ได้ และหวังว่าสารทดแทนตัวใหม่ จะไม่มีผลที่ร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชน เพราะถ้ามีผลร้ายแรง กระทรวงสาธารณสุขก็จะต้องสั่งแบนอีก 

 

          ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองจะฟ้องศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราว และยื่นถอดถอนมติกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นต้นเหตุให้ยกเลิกสารเหล่านี้ เพราะใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ และจะฟ้องรมว.สาธารณสุข ปลัดสาธารณสุข คณะกรรมการวัตถุอันตรายที่เสนอข้อมูลนี้ รวมถึงเอ็นจีโอที่มีการนำเสนอข้อมูลเท็จด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เห็นจากข่าวเช่นกัน ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะฟ้องกลับ แต่เชื่อว่าคงไม่ฟ้อง แล้วจะเท้าความทำไม เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่อาจจะถูกดูถูก ดูแคลนก็ว่าไม่ได้ แต่ถ้าจะเอ่ยถึงกระทรวงสาธารณสุข แล้วคงไม่มีการฟ้องร้องกลับแต่อย่างใด เพราะต้องพยายามชี้แจงก่อน และถ้าเป็นการแอบอ้างของกระทรวงสาธารณสุข ก็อย่าไปเชื่อว่า แต่เรื่องแค่นี้คงไม่ถึงขั้นฟ้องร้อง เพราะไม่ได้มีความเกลียดชัง แต่เป็นเรื่องส่วนบุคคล โดยทุกอย่างต่างคนต่างทำหน้าที่ เพียงแต่ต้องยึดหลักวิชาการ สุขภาพ อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีประชาชนเป็นตัวตั้ง ฉะนั้น หากจะมีการฟ้องศาลปกครองชั่วคราวเพื่อถอดมติแบนสารเคมี จะต้องไปดูว่าจะมีการคุ้มครองฉุกเฉินหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่คำวินิจฉัยของศาลปกครอง 

 

          เมื่อถามถึงกรณีเกษตรกรอาจได้รับผลกระทบเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น หากมีการแบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องมาว่ากัน เพราะตอนที่ไม่แบนก็ถามว่าทำไมไม่แบน หาว่าไปรับเงินใครมาหรืออะไรมายัดปากหรือไม่ พอแบนให้ก็จะมีปัญหาอื่นตามมา แต่จะต้องดูว่าอะไรเสียหายร้ายแรงกว่ากัน ตนมั่นใจกระทรวงเกษตรฯ ว่าจะมีมาตรการทดแทนช่วยเหลือ และหากมีความจำเป็นจริงๆ ก็ต้องนำไปหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการแบนสารเคมีพิษทั้ง 3 ชนิด แล้วรัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง ก็เป็นเรื่องต้องมีการหารือกันต่อไป.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ