ข่าว

เป็นใคร 4 ผู้ต้องหาอุ้มบิลลี่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ใกล้เปิดหน้า 4 ผู้ต้องหาทีมอุ้ม "บิลลี่" ดีเอสไอพร้อมแจ้ง 8 ข้อหาหนัก ลุ้น 19 ก.ย.ได้ข้อสรุปหมายค้น หมายเรียก หมายจับ

 

 

ใกล้เปิดหน้า 4 ผู้ต้องหาทีมอุ้มฆ่า “บิลลี่” ดีเอสไอพร้อมแจ้ง 8 ข้อหาหนัก ลุ้น 19 ก.ย. ได้ข้อสรุปหมายค้น หมายเรียก หมายจับ ด้านอัยการสำนักสอบสวน ตั้ง “พิชิต นนทสุวรรณ” อดีตตร.กองปราบ เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ เชื่อพยานหลักฐานพอดำเนินคดี-ออกหมายจับ

 

          เมื่อวันที่ 16 ก.ย.62 แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า หลังจากพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ สั่งการให้เร่งรัดการสอบสวนคดีฆาตกรรมนายพอจะลี รักจงเจริญ หร่อบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 3 เดือน หรือให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธ.ค.นี้ พ.ต.ท.กชวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ จึงเรียกประชุมหน้าชุดสอบสวนทุกทีมให้สรุปรายงานความคืบหน้าทุกๆวัน ในเวลา 06.30 น. ล่าสุดมีข้อสั่งการให้เร่งสอบสวนในจุดที่เป็นประเด็นสำคัญอีก 1-2 จุด เพื่อสรุปสำนวนคดีให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้อัยการที่ร่วมเป็นที่ปรึกษาในคดีนี้คือ พ.ต.ท.พิชิต นนทสุวรรณ ซึ่งเคยเป็นนายตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปราม


          แหล่งข่าว เปิดเผยด้วยว่า อัยการจากสำนักการสอบสวน ที่ร่วมเป็นที่ปรึกษาคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชุดคลี่คลายคดีฆาตกรรมบิลลี่ ได้ให้ความเห็นกับคณะพนักงานสวนสอบสวนว่า สำนวนคดีปรากฎพยานหลักฐานมากพอที่จะขอศาลออกหมายจับได้แล้ว แต่ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอนั้น ยังเห็นว่าบุคคลที่กำลังจะถูกเรียกมาแจ้งข้อหานั้นมีตำแหน่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงเห็นควรว่าควรจะออกหมายเรียกก่อน โดยในวันที่ 19 ก.ย.นี้ พนักงานสืบสวนสอบสวนจะประชุมเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของสำนวนคดีอีกครั้ง

 

         สำหรับข้อหาที่พนักงานสอบสวนจะเตรียมจะเเจ้งกับกลุ่มผู้ต้องหา 4 ราย นั้น ประกอบด้วย 8 ข้อหา ดังนี้ 1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นโดยเจตนาอำพรางคดี 3.ร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรื้อส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตาย 4.ร่วมกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรทำลายศพ  5.ปล้นทรัพย์จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 6.หน่วงเหนี่ยวกักขังจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย 7.อำพรางศพ และ 8.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งความผิดบทหนักที่สุดเป็นความผิดเกี่ยวกับชีวิตฐานร่วมกันฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งหากมีการรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ดีเอสไอต้องสรุปสำนวนเสนอให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พิจารณาสั่งคดีต่อไป

 

          “เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเตรียมแจ้ง 8 ข้อหา กับผู้ต้องหา 4 ราย แต่ได้รับรายงานว่าผู้ต้องหา 1 ราย หายตัวไป ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เป็นรายสำคัญ แต่ขณะนี้ต้องถือว่าพยานหลักฐานในคดีแน่นหนาพอที่จะดำเนินคดีและออกหมายจับได้แล้ว เนื่องจากชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปฝังตัวเป็นเวลานาน ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ประชุมในวันที่ 19 ก.ย.ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร รวมถึงในส่วนของการขออนุมัติหมายค้น การออกหมายเรียกก่อน หรือออกหมายจับเลย” แหล่งข่าว ระบุ
 


         รายงานข่าวระบุว่า ในวันพรุ่งนี้(17 ก.ย.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ จะประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการกับ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ในประเด็นความคืบหน้าจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลพยานหลักฐาน อีกทั้งยังจะพิจารณาในส่วนของข้อกล่าวหาที่จะต้องเรียกผู้เกี่ยวข้องมารับทราบนั้น รัดกุมและเพียงพอหรือไม่.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ