ข่าว

ดีเอสไอ ยันคดีบิลลี่ ไม่มีมวยล้ม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"มึนอ" ตัดพ้อ "บิลลี่" หายตัว 5 ปี เดินสายร้องเรียนจนท้อ มองยุติธรรมไม่มีจริง จนดีเอสไอพบหลักฐานเสียชีวิต ฝากถึงผู้มีกฎหมายในมือ อย่ามองตัวเองสูงส่ง

 

 

“มึนอ” ตัดพ้อ “บิลลี่” หายตัว 5 ปี เดินสายร้องเรียนจนท้อ มองยุติธรรมไม่มีจริง จนดีเอสไอพบหลักฐานเสียชีวิต ฝากถึงผู้มีกฎหมายในมือ อย่ามองตัวเองสูงส่ง ใช้ “กฎหมา” ทุกชนเผ่ามีชีวิตจิตใจ ขณะที่รองอธิบดีดีเอสไอขอเวลาทำสำนวนให้รอบคอบก่อนออกหมายเรียก-หมายจับ ยันไม่มีมวยล้ม ด้านทนายสิทธิมนุษยชน ชี้คดีบิลลี่เชื่อมโยงปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ทำให้สูญหาย ฆ่าคนตาย

 

ดีเอสไอ ยันคดีบิลลี่ ไม่มีมวยล้ม

 

          ม.รังสิต – 16 ก.ย.62 วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่าย จัดพิธีรำลึกถึงบิลลี่ และเสวนาวิชาการเรื่อง การฆาตกรรมอำพรางศพบิลลี่ บุคคลใดต้องรับผิดชอบ โดยน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย กล่าวว่า หลังบิลลี่หายตัวไปนาน 5 ปี ตนและครอบครัวลำบากมาก ต้องทำงานเพื่อเลี้ยงดูลูก 5 คน และยังต้องเดินสายเคลื่อนไหวร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อติดตามความคืบหน้าการหายตัวของบิลลี่ ซึ่งหายตัวไปหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จับตัวเมื่อวันที่ 17 เม.ย.57 ในวันที่ 18 เม.ย. 57 ตนจึงเข้าแจ้งความที่โรงพักแก่งกระจาน แต่โรงพักยังไม่รับแจ้งความให้ผู้เสียหายไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมก่อน ต่อมาตนเข้ายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมที่ศาลากลางจังหวัด ขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่อุทยานฯออกนอกพื้นที่ระหว่างการสอบสวนคดีแต่ไม่สำเร็จ ไปยื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีความคืบหน้า จนรู้สึกว่าความยุติธรรมมีไม่จริง วันนี้เมื่อได้รู้ว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว จึงต้องขอบคุณดีเอสไอที่ช่วยติดตามอย่างเต็มที่
 

 

ดีเอสไอ ยันคดีบิลลี่ ไม่มีมวยล้ม

 

          "ขอฝากความรู้สึกถึงคนที่กฎหมายอยู่ในมือ ให้ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ควรรังแกคนที่ไม่มีกฎหมายในมือ คุณจับตัวบิลลี่ไปแล้วไม่ส่งดำเนินคดี ทำให้บิลลี่หายตัวไป ภาษาชาวบ้านคือใช้ "กฎหมา" อยากบอกว่าทุกคนมีชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไหนๆ ก็อยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน เราควรอยู่ร่วมกันด้วยความรักและความเข้าใจ ไม่อยากให้คนที่มีกฎหมายในมือ มีอำนาจสูงส่ง คิดว่าตัวเองใหญ่ แต่อยากให้ทุกคนเสมอภาค เท่าเทียมกัน" น.ส.พิณนภา กล่าว  
 

ดีเอสไอ ยันคดีบิลลี่ ไม่มีมวยล้ม

        

 

          พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า คดีการหายตัวของบิลลี่ ดีเอสไอตั้งประเด็นสืบสวนว่า จะมีพ่อคนไหนบ้างที่มีลูก 5 คนรออยู่แล้วไม่กลับบ้าน คนหาย 1 คนไม่มีใครพบเห็น ดีเอสสั่งยุติเรื่อง ไม่รับคดีไว้สอบสวนพร้อมส่งสำนวนการสืบสวนไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แต่คดีของบิลลี่ หลังเวลาผ่านไป 4 ปี ดีเอสไอรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ลงมติรับเป็นคดีพิเศษ หลังการทำงานอย่างทุ่มเทดีเอสไอค้นพบชิ้นส่วนกระดูกหัวกะโหลก ซึ่งผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอตรงกับนางไพเราะ จีรักจงเจริญ แม่ของบิลลี่ รูปคดีจึงเปลี่ยนจากปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบมาเป็นฆ่าคนตาย เราไม่ได้มาพูดเพื่อบอกว่าเราเป็นคนดี แต่บอกว่าเราทุ่มเทศักยภาพเต็มรูปแบบ ในช่วงนี้ขอเวลารวบรวมหลักฐานให้ดีที่สุด ทำงานให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนออกหมายเรียกหรือหมายจับ รับประกันได้เพียงว่างานนี้ไม่มีมวยล้ม ต้มคนดู ส่วนผลคดีจะออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน 

 

ดีเอสไอ ยันคดีบิลลี่ ไม่มีมวยล้ม

 

          ด้านนายชนม์สวัสดิ์ ประศาสน์ครุการ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ป.ป.ท.ตรวจสอบการกระทำความผิดกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ไม่นำตัวนายบิลลี่ส่งให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเก็บของป่า ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ม.157 และ ม.200 ไม่เกี่ยวข้องกับการสูญหายหรือเสียชีวิตของนายบิลลี่ ภายหลังดีเอสไอมีมติรับคดีไว้สอบสวน บอร์ดป.ป.ท.เห็นว่าคดีของนายบิลลี่ไม่ได้มีการกระทำผิดเฉพาะการกระทำทุจริตต่อหน้าที่ แต่ยังมีความผิดเกี่ยวกับการสูญหายและเสียชีวิตรวมอยู่ด้วย จึงมีมติส่งสำนวนคดีให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ดีเอสไอสอบสวนในทุกข้อหาความผิด ส่วนคดีทุจริตโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติของอุทยานฯแก่งกระจาน ป.ป.ท.เตรียมเสนอให้บอร์ดลงมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ส่วนคดีเผาทำลายบ้านของชุมชนกะเหรี่ยง ผู้บริหารป.ป.ท.ยืนยันว่าจะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน 

 

ดีเอสไอ ยันคดีบิลลี่ ไม่มีมวยล้ม

 

          ขณะที่นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯแก่งกระจานเผาทำลายบ้านชุมชนกะเหรี่ยงกว่า 100 ครัวเรือน บิลลี่เป็นแกนนำในการรวบรวมข้อมูลต่อสู้คดีและเตรียมร่างหนังสือเพื่อถวายฎีกา ในระหว่างนั้นบิลลี่ถูกควบคุมตัวพร้อมน้ำผึ้งป่าและหายตัวไปหลังการควบคุมตัว สิ่งที่ญาติทำได้ คือการทำหนังสือขอให้หัวหน้าอุทยานฯปล่อยตัวบิลลี่ ซึ่งต่อสู้คดีกัน 3 ศาล แม้ศาลจะตัดสินยกคำร้อง แต่อย่าไปรับฟังข้อกล่าวอ้างผิดๆ ว่ามีการปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้ว เพราะศาลฎีกาพิพากษาว่าพยานของฝ่ายญาติไม่เพียงพอให้ศาลตัดสินใจว่ามีการควบคุมตัวบิลลี่ แต่ขณะนี้พยานหลักฐานที่ดีเอสไอพบไม่ใช่พยานแวดล้อมที่ไม่มีน้ำหนักเช่นในอดีตอีกแล้ว อาจเชื่อมโยงกับการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ การทำให้สูญหาย และการฆาตกรรม.
 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ