ข่าว

รู้พิกัดแล้ว !! ว่าที่เจ้าสาวหายตัวขึ้นรถทัวร์ปริศนา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จากกรณีมารดาเข้าแจ้งความลูกสาวขึ้นรถ บขส. แห่งที่1ในตัวเมืองอุดรธานีแล้วขึ้นรถทัวร์ อะไรไม่ทราบสายเพื่อจะเดินทางไปหาแฟน แต่กลับหายตัวไป ล่าสุดทราบสาเหตุแล้ว

วันที่ 9 กันนายายน 62 เวลา09.15 น. พ.ต.ท. แดนชัย มูลป้อม สารวัตร สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี และตำรวจชุดสืบสวนพิรุณ  ได้รับแจ้งจาก น.ส.อุบล นามวิชัย  อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่4 ตำบลอ้อมกอ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี  ซึ่งมีสามีใหม่ นายประมวล คำชลทา อายุ49ปี และแฟนของลูกสาว

คือนายสันติ คำบุญยอ  อายุ32ปี ว่าบุตรสาว คือน.ส.แววตา  นามวิชัย  อายุ30 ปี หลังจากขึ้นรถโดยสารประจำทาง หรือรถบัส มาลง บขส. แห่งที่1 ในตัวเมืองอุดรธานี แล้วขึ้นรถทัวร์ อะไรไม่ทราบสาย เพื่อจะเดินทางไป หาแฟน ที่จ.กาฬสินธุ์ ได้หายตัวไปหรือโดนจับ ไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วานนี้

 รู้พิกัดแล้ว !! ว่าที่เจ้าสาวหายตัวขึ้นรถทัวร์ปริศนา

 น.ส.อุบล นามวิชัย ให้การว่า ลูกสาวไม่สบาย ได้เดินทางกลับมาบ้านเมื่อวันเสาร์ แล้วตนก็พาลูกสาวไปหาหมอ แล้วเมื่อวานนี้ ตอนเช้าลูกสาวบอกว่าจะเดินทางไปหาแฟนที่จ.กาฬสินธุ์ หลังจากทำการผูกแขนหรือหมั้นกันเอาไว้ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เป็นเงินจำนวน 3หมื่นบาท โดยตนได้มาส่งลูกสาวมาขึ้น รถโดยสารประจำทาง สาย คำตากล้า บ้านดุง - อุดร  ที่ปากทางบ้านโสมวิไล แล้วลูกสาวมาถึง บขส. แห่งที่1 ในตัวเมืองอุดรฯ แล้วได้โทรศัพท์มาบอก ได้ขึ้นรถทัวร์ ออกสีม่วง ซึ่งเขาบอกว่าจะผ่านไปแวะ จ.กาฬสินธุ์

จากนั้นลูกสาวก็นอนพักผ่อน มารู้สึกตัวอีกที เห็นป้าย จ.ศรีสะเกษ ทำให้แปลกใจ ในตอนนั้นลูกสาว คิดว่าไม่มีอะไร เพราะมีผู้โดยสารอยู่บนรถหลายคน ประมาณ10 กว่าคน มีทั้งชายและหญิง  จึงได้นอนหลับต่อ มารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง รถขับไปทางเปลี่ยว เป็นถนนขนาดเล็ก มีต้นไม้ขึ้นทั้งสองข้าง ลักษณะเหมือนเป็นป่า ก่อนที่รถทัวร์จะจอดรถหยุดไว้ ประมาณเวลาบ่ายโมง  แล้วลูกสาวได้โทรศัพท์มาบอกตน ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วผู้หญิงคนแก่ ที่นั่งอยู่บนรถทัวร์ด้วยกัน ไปสอบถามคนขับ เขาบอกว่า ทำไมหยุดรถแล้วไม่ขับต่อไป หรือรถเป็นอะไร ซึ่งคนขับบอกว่าอย่ามายุ่ง อย่าพูดมาก ห้ามพูด อยู่เฉยๆ

หลังจากนั้นลูกสาวโทรศัพท์ติดมาบอกว่าทนไม่ไหวแล้ว ซึ่งตนบอกให้ลูกสาว ไปถามคนขับ ตอนไหนจะได้ไปสักที เพราะใกล้จะมืดแล้ว เดียวแฟนของลูกสาว เขาจะรอจะไม่เจอกัน โดยให้ทำการเปิดโทรศัพท์เอาไว้ เพื่อตนจะได้ยินเสียงด้วย โดยคนขับบอกว่ากลัวหรือไง กลัวที่จะไม่ไปส่งหรือไง เดียวจะไปส่งให้ลงกันทุกคน ที่จุดเดียวกัน  ใจเย็นๆ อีกสักครู่จะไปส่ง แล้วเขาไม่ทำอะไร รถก็จอดหยุดอย่างนั้น  
 

 รู้พิกัดแล้ว !! ว่าที่เจ้าสาวหายตัวขึ้นรถทัวร์ปริศนา

จากนั้นเวลาประมาณ18.00 น. ลูกสาวติดต่อมาอีกบอกว่า มีรถอะไรไม่ทราบมาส่งผู้ชาย 4-5 คน มาล้อมรถอยู่ข้างล่างเอาไว้ ถ้าหนูติดต่อแม่ไม่ได้ แสดงว่า เขามายึดโทรศัพท์มือถือของลูกไปแล้ว  หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อลูก ถึงเวลา21.00 น. ก็ไม่มีสามารถติดได้ จึงได้บอกแฟน ของลูกสาว พากันมาแจ้งความกับตำรวจ เพื่อขอความช่วยเหลือ และ มาขอดูกล้องวงจรปิด ใน บขส. แห่งที่1 เพื่อหาเบาะแส ในการติดตามตัวลูกสาว

นายสันติ คำบุญยอ  ให้การว่า ตนทำงาน ขับรถบรรทุกเทรลเลอร์  ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ในจ.กาฬสินธุ์ ได้คบหาดูใจกันกับแฟน มาได้ประมาณ 1ปีกว่า  ก่อนที่ตนจะไปผูกแขนหมั้นกันเอาไว้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน 3 หมื่น บาท โดยจะแต่งงานกัน ในปีหน้า อยู่ระหว่างเก็บเงิน  ซึ่งค่าสินสอด เงินจำนวน 7 หมื่นบาท และทอง1 บาท โดยแฟนเดินทางมา จากบ้านที่ จ.อุดรฯ เพื่อจะมาตน ที่จ.กาฬสินธุ์ แต่รถทัวร์ไม่ไปส่ง ทำให้เป็นห่วง อย่างมากและร้อนใจ โดยตนกับแฟนก็ไม่ได้ทะเลาะกัน    

ในช่วงเดินทางมา แฟนก็ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหาตนกับแม่ ของเขาอยู่ตลอด ว่าถึงไหนตอนนี้ ขึ้นรถอะไรไป ซึ่งแฟนบอกว่า รถทัวร์วิ่งไปทางแคบๆ เข้าไปในป่า แล้วรถก็หยุดจอดไม่ไหน  แล้วแฟนก็ไปถามคนขับว่าตอนไหนจะไปส่ง หรือขับออกไป  ซึ่งคนขับตอบกลับไปว่าเดียวจะไปส่ง จะรีบไปไหน มาช่วงหลังไม่สามารถติดต่อแฟน ได้แต่ส่งข้อความทางโทรศัพท์มาหาตน แล้วบอกว่าเขากำลังยึดโทรศัพท์ของคนอื่น หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อแฟนได้อีกเลย

พ.ต.ท. แดนชัย มูลป้อม เปิดเผยว่า โดยจะให้ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในบขส. แห่ง1 ในการหาเบาะแส ว่า หญิงสาว ที่แม่และแฟน มาแจ้งความเอาไว้ว่าหายตัวไปหรือโดนจับไป ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร ว่าขึ้นรถโดยสารประจำทาง หรือ รถบัส ที่เดินทางมาจาก อ.บ้านดุง มาลง ในบขส. แห่งที่1 เป็นรถเบอร์อะไร เสียก่อน แล้วถึงไปตรวจสอบว่า ไปขึ้นรถทัวร์ต่อจริงหรือไม่  เพื่อดำเนินการติดตามตัวว่าอยู่ที่ไหน ต่อไป

 รู้พิกัดแล้ว !! ว่าที่เจ้าสาวหายตัวขึ้นรถทัวร์ปริศนา
ล่าสุดวันนี้ (10 ก.ย. 2562) จากการสอบถาม นางอุบล ซึ่งเป็นมารดา ได้เล่าว่า   ขณะนี้โล่งอกแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งดังกล่าว จนทราบว่าลูกสาวโดยสารรถเข้ากรุงเทพฯไปแล้ว ส่วนจะไปทำอะไรนั้น ยังไม่ทราบ แต่คิดว่าน่าจะไปทำงาน เพราะยังติดต่อลูกสาวยังไม่ได้ แต่ก็อุ่นใจเปราะหนึ่ง ที่ลูกสาวไม่ได้ถูกคนทำร้าย ตามที่ลูกสาวโทรมาบอกก่อนหน้านี้

นายกฤษดา  จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว  ภูมิภาค  จ.อุดรธานี

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ