ข่าว

ยกฟ้อง ถวิล พึ่งมา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลสั่งยกฟ้อง"ถวิล พึ่งมา"อดีตอธิการ สจล.คดีลักเงินสถาบัน700ล้านสั่งจำคุกอดีตผู้ช่วย ผจก.ธนาคารไทยพาณิชย์95ปีคนรับโอนโดน55ปีชดใช้ค่าเสียหายร่วมกัน700ล้าน

 

 

          วานนี้(19ส.ค.)ที่ห้องพิจารณา 3 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษา คดีทุจริตเบิกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กว่า 700 ล้านบาท หมายเลขดำ อท.24/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 1 เป็นโจทก์ สจล. เป็นโจทก์ร่วมที่ 1 ธ.ไทยพาณิชย์ เป็นโจทก์ร่วมที่ 2 ยื่นฟ้องนายถวิล พึ่งมา อายุ 65 ปี อดีตอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จำเลยที่ 1

 

 

          ขณะที่ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 60 ปี อดีตผอ.ส่วนการคลัง สจล. มีหน้าที่เบิกจ่ายเงินของสถาบัน จำเลยที่ 2 นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อายุ 55 ปี ผช.อธิการบดี สจล. ดูแลบริหารงานคลัง สจล. จำเลยที่ 3 นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 44 ปี อดีตผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ฯ สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 4 นายคงฤทธิ์ สิงห์นุโคตร อายุ 53 ปี อดีต ผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3M จำเลยที่ 5 นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด จำเลยที่ 6 นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 31 ปี จำเลยที่ 7 นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ อายุ 36 ปี จำเลยที่ 8 โดยทั้ง3เป็นบุคคลภายนอกและไม่ได้มีหน้าที่ใน สจล.


          ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง โดยร่วมกระทำผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 (7) (11) , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม มาตรา 265 มาตรา 268 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย มาตรา 147 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด

 

          ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐหรือเจ้าของทรัพย์นั้น มาตรา 151 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานองค์กรของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4, 8, 11 ขอให้ชดใช้เงิน 688,578,411 บาท ให้กับ สจล.โจทก์ร่วมที่ 1 และ ธ.ไทยพาณิชย์ฯ โจทก์ร่วมที่ 2 และให้ชดใช้เงิน 20 ล้านบาท กับ ธ.กรุงศรีอยุธยาฯ ผู้เสียหายที่ 3 ด้วย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันกระทำละเมิด


 


          กรณีปี 2552-2557 ร่วมกันลักเงิน สจล.ที่อยู่ในบัญชีเงินฝาก กับ ธ.ไทยพาณิชย์ สจล. 5 บัญชี สาขาสุวรรณภูมิ 3M และ ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขา สจล. รวมทั้งหมด 7 บัญชีไปให้ สจล. อนุมัติการจ่ายเงินด้วยการทำบันทึกเสนอขอเบิกเงินจากสถาบันฯ อ้างว่าจะฝากประจำเผื่อให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น เมื่อ สจล.อนุมัติในการเบิกถอนเงินจากบัญชีแล้ว เบิกเงินจากบัญชีโดยไม่ได้รับอนุมัติจาก สจล. รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 708,578,411 บาท


          โดยศาลได้พิพากษา ยกฟ้องนายถวิล และพวกอีก 5 คน มีเพียงนายทรงกลด ศรีประสงค์ และนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก โดยนายทรงกลด ถูกลงโทษจำคุก 95 ปี ส่วนนายกิตติศักดิ์ถูกลงโทษจำคุก 55 ปี แต่เนื่องจากโทษจำคุกสูงสุดนั้น จำคุกได้เพียงคนละ 20 ปี จึงสั่งลงโทษจำคุกนายทรงกลดและนายกิตติศักดิ์คนละ 20 ปี และให้นายทรงกลด คืนเงินจำนวน 652 ล้านบาท เช่นเดียวกับนายกิตติศักดิ์ คืนเงินจำนวน 563 ล้านบาท ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงศรี


          ขณะที่ นายถวิล กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาว่า ตนเองขอขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา ให้ความยุติธรรม และ พิเคราะห์ค่อนข้างละเอียด ซึ่งตอนที่เงินหายไปนั้น เป็นช่วงบริหารงานของคณะกรรมการชุดก่อน และชุดหลัง ซึ่งตนเป็นอธิการในช่วงกลาง โดยการที่ตนถูกฟ้องถือว่าค่อนข้างไม่ยุติธรรม รวมถึงยังมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง อย่างไรก็ตาม ตนก็รู้สึกดีใจ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการลักทรัพย์


          ด้าน นายพีรันธร วีระภรณ์พิมล ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ศาลได้พิพากษาว่านายถวิล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีทั้ง 7 และไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับการทุจริต แต่จะมีประเด็นการเปิดบัญชีโดยไม่มีอำนาจในการเปิด แต่การไม่มีอำนาจในการเปิด พอสืบพยานเสร็จก็ทราบว่าทางนายทรงกลด ได้นำเอกสารที่นายถวิลเซ็นไว้ตอนมีอำนาจมาใช้ ซึ่งเอกสารทั้งหมดที่ทำขึ้นมา จึงเป็นการใช้เอกสารที่เป็นเท็จ และขั้นตอนต่อไปก็คงต้องรอทางอัยการอุทธรณ์คดี เพราะทางอัยการฟ้องมา 8 คน ยกฟ้องไป 6 คน ทั้งนี้ ทางตนก็ต้องเตรียมคำพิพากษา เพื่อรอแก้อุทธรณ์ของอัยการต่อไป

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ