ข่าว

"กรมประมง"ปิดอ่าวไทยรูปตัว ก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"กรมประมง"ปิดอ่าวไทยรูปตัว ก ฤดูวางไข่ ปี 62 ฟื้นฟูสัตว์น้ำในพื้นที่ 8 จังหวัด ห้ามใช้เครื่องมือและวิธีทำประมงผิดกฏหมาย ช่วง15 มิ.ย. – 15 ส.ค.และ1ส.ค.-30ก.ย.

 

 

10 มิถุนายน 2562 นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่าจะประกาศปิดอ่าวไทยรูปตัว ก ประจำปี 2562 ระหว่าง วันที่ 15 มิถุนายน – 15 สิงหาคมของทุกปี และระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายนของทุกปี  

 

ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตามแผนที่แนบท้ายของประกาศฯ จึงขอความร่วมมือพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและพาณิชย์ โปรดปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของประเทศให้เกิดความยั่งยืน

 
จากเมื่อปีที่ผ่านมา (ปี 2561) กรมประมงได้มีการปรับปรุงกฎหมายปิดอ่าวไทยรูปตัว ก จากประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประกาศกรมประมง ลงวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เพื่อกำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของพื้นที่ 8 จังหวัด ของอ่าวไทยรูปตัว ก ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ วงจรชีวิตสัตว์น้ำ และสอดคล้องกับมาตรการปิดอ่าวไทย 
 

ผลของการใช้กฎหมายปิดอ่าวไทยรูปตัว ก ฉบับใหม่ การสำรวจทรัพยากรสัตว์น้ำหลังปรับปรุงกฎหมายปิดอ่าวไทยรูปตัว ก ในปีที่ผ่านมา ผลการจับสัตว์น้ำก่อนมาตรการฯ (เมษายน-พฤษภาคม 2561) มีอัตราการจับเฉลี่ยเท่ากับ 2,417 กิโลกรัม/วัน ระหว่างมาตรการปิดด้านตะวันตก (15 มิถุนายน-15สิงหาคม 2561) มีอัตราการจับเฉลี่ยเท่ากับ 1,258.10 กิโลกรัม/วัน ระหว่างมาตรการปิดด้านเหนือ (1 สิงหาคม-30กันยายน 2561) มีอัตราการจับเฉลี่ยเท่ากับ 2,350.77 กิโลกรัม/วัน

 

และหลังมาตรการฯ (ตุลาคม-พฤศจิกายน 2561) มีอัตราการจับเฉลี่ยเท่ากับ 2,863.28 กิโลกรัม/วัน จึงแสดงให้เห็นว่า มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรในช่วงฤดูการปิดอ่าวไทยรูปตัว ก สามารถฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างเหมาะสม มีผลผลิตของสัตว์น้ำสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มปลาผิวน้ำ เช่น ปลาสีกุนเขียว  ปลาหลังเขียว และปลาตะเพียนน้ำเค็ม  

 

อย่างไรก็ตาม ปลาทู สัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรจะเป็น ถึงแม้ว่าผลผลิตโดยรวมจะสอดคล้องกับผลการศึกษาทางวิชาการเกี่ยวกับวงจรชีวิตของสัตว์น้ำที่อพยพตามห้วงเวลาในแต่ละพื้นที่ ที่พบว่าในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนของทุกปี จะเป็นห้วงเวลาที่มีสัตว์น้ำขนาดก่อนเริ่มสืบพันธุ์อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก

 

โดยวัดได้จากการสำรวจพบปลาทูในเขตอ่าวไทยรูปตัว ก ฝั่งตะวันตก (พื้นที่ปิดอ่าวช่วงที่ 1) มีขนาดเฉลี่ย 13 – 14 เซนติเมตร หรือ ที่ชาวประมงเรียก ปลาสาว ยังไม่สามารถสืบพันธุ์วางไข่ได้  ซึ่งปลาทูกลุ่มนี้จะอพยพเข้ามาอาศัยในพื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก ตอนเหนือ (พื้นที่ปิดอ่าวช่วงที่ 2) และพบว่ามีขนาดเฉลี่ย 16-18 เซนติเมตร ถือว่าเป็นแม่ปลาที่พร้อมผสมพันธุ์และจะกลับลงไปวางไข่ในบริเวณอ่าวไทยตอนกลาง (มาตรการปิดอ่าวไทย) ในปีถัดไป ดังนั้น จึงควรมีการคุ้มครองสัตว์น้ำเหล่านี้มิให้ถูกจับหรือทำลายก่อนวัยอันควร และเป็นการเพิ่มทั้งขนาดและมูลค่ารวมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญจะช่วยให้ปลาทูกลับฟื้นคืนความสมบูรณ์ดังเดิม

 

อธิบดีกรมประมง กล่าวว่ากำหนดใช้เครื่องมือที่ถูกต้องตามกฏหมายและวิธีทำการประมง อาทิ เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ที่ใช้ประกอบกับเรือกลลำเดียว ขนาดต่ำกว่า 20 ตันกรอส ให้สามารถทำการประมงได้ในเวลากลางคืนและบริเวณนอกเขตทะเลชายฝั่ง เครื่องมืออวนติดตาปลาที่ใช้ประกอบเรือกล ขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส ให้ใช้เครื่องมืออวนที่มีช่องตาอวนตั้งแต่ 5 เซนติเมตรขึ้นไป ความยาวอวนไม่เกิน 2,000 เมตร ต่อเรือประมง 1 ลำ

 

ทั้งนี้ห้ามทำการประมงโดยวิธีล้อมติดตา หรือวิธีอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน เครื่องมืออวนติดตาชนิด อวนปู อวนกุ้ง อวนหมึก เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกหมึก ที่ใช้ประกอบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) ให้ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง สำหรับกรณีการใช้เครื่องมือลอบปูที่มีขนาดตาอวนโดยรอบตั้งแต่ 2.5 นิ้วขึ้นไป และใช้ทำการประมงไม่เกิน 300 ลูก ต่อเรือประมง 1 ลำ สามารถทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งได้

 

กรณีการใช้เครื่องมือลอบปูที่มีขนาดช่องตาท้องลอบ ตั้งแต่ 2.5 นิ้วขึ้นไป และใช้ทำการประมงเกินกว่า 300 ลูก ต้องทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง เครื่องมือลอบหมึกทุกชนิด  ซึ่งทุกชนิดที่ใช้ประกอบทำการประมงพื้นบ้านในเขตทะเลชายฝั่ง เครื่องมือคราดหอย โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯที่เกี่ยวข้องด้วย เครื่องมืออวนรุนเคย โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ที่เกี่ยวข้องด้วย


จั่น ยอ แร้ว สวิง แห เบ็ด สับปะนก ขอ ลอบ ฉมวก เครื่องมืออื่นใดที่ไม่ใช้ประกอบเรือกลขณะทำการประมง การใช้เรือประมงที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส ที่ใช้เครื่องยนต์มีกำลังแรงม้าไม่ถึง 280 แรงม้า โดยใช้เครื่องมือทำการประมงที่มิใช่เครื่องมือทำการประมงบางประเภทที่ถูกกำหนดเป็นประมงพาณิชย์ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ และต้องมิใช่การใช้เครื่องมือทำการประมงอวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกปลากะตักที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ)

 

รวมทั้งเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯหากไม่ปฏิบัติตามที่กำหนด และเครื่องมือที่ใช้ทำการประมงต้องไม่เป็นเครื่องมือที่ห้ามใช้ทำการประมงตามมาตรา 67 มาตรา 69 หรือ มาตรา 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม  โดยในส่วนของบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 30 ล้านบาท ตามขนาดของเรือประมง หรือปรับ 5 เท่า ของมูลค่าสินค้าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมง แล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า และเครื่องมือ สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สินค้าสัตวน้ำ หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ในการกระทำผิด หรือได้มาโดยการกระทำผิดจะถูกริบ
 
 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ