ข่าว

ยกฟ้อง "นที รอง ปธ.กสทช." ไม่ผิดม.157

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นที" รองประธาน กสทช. พ้นผิดถูกอาร์เอสฟ้อง ม.157 ลงมติ-ออกประกาศ ให้ บ.อาร์เอส แชร์สัญญาณฟรีทีวีถ่ายทอดบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย 

          

      20 ธ.ค.61 - ที่ห้องพิจารณาคดี 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3209/2557 บริษัทอาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (อาร์เอสบีเอส) บริษัทในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธิ์ ที่ได้รับอนุญาตจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ให้เป็นผู้เผยแพร่ภาพและเสียงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี ค.ศ. 2014 แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ยื่นฟ้อง "พ.อ.นที ศุกลรัตน์" รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายกับผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

          กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 5 พ.ย.55-30 เม.ย.56 ต่อเนื่องจาก จำเลยซึ่งเป็นพนักงานตำแหน่งกรรมการ กสทช.ได้ให้ความเห็นชอบในการออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 และการกำหนดประเภทรายการลำดับที่ 7 ในภาคผนวก (Must Have - มัสต์แฮฟ) ที่กำหนดให้รายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะต้องให้บริการเป็นรายการทั่วไป โดยไม่ฟังคำโต้แย้งจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอล ปี ค.ศ.2014 ประเทศบราซิล ซึ่งประกาศดังกล่าว ทำให้ บ.อาร์เอสบีเอส ที่ได้รับอนุญาตจากฟีฟ่า ได้รับความความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.

                  ยกฟ้อง "นที รอง ปธ.กสทช." ไม่ผิดม.157

      

             คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ต่อมาบริษัทโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง โดยศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นประทับรับฟ้องคดีไว้และดำเนินกระบวนการสืบพยานเพื่อมีคำพิพากษา

            โดย "พ.อ.นที" จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการประกันตัวไประหว่างพิจารณาคดี ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมทนายความ ขณะที่ บ.อาร์เอสบีเอส โจทก์ มีเพียงทนายความ มาศาล

               ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว ฝ่ายโจทก์ มีผู้รับมอบอำนาจบริษัทโจทก์เบิกความว่า โจทก์ได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 (พ.ศ.2557) โดยทำสัญญาไว้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2548 ต่อมา พ.อ.นที จำเลย ซึ่งเป็นรองประธาน กสทช.ได้ให้ความเห็นชอบเรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 ซึ่งภาคผนวกได้บรรจุให้การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ต้องเผยแพร่ในฟรีทีวีเป็นการทั่วไป ซึ่งจะทำให้ช่อง 3,5,7,9,11 และไทยพีบีเอส ได้ร่วมถ่ายทอดสัญญาณ ทั้งที่โจทก์ได้รับสิทธิการถ่ายทอดสดจากฟีฟ่าเพียงผู้เดียว ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าบริษัทโจทก์ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลมาก่อนแต่ประกาศนั้นออกภายหลัง โดยบริษัทโจทก์ได้ยื่นผ่อนผันและโต้แย้งกับจำเลยแต่ไม่ได้รับพิจารณา ต่างจากกรณีที่บริษัท ทรูฯ ได้สิทธิถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์ ซึ่งมีการถ่ายทอดในโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก(เคเบิลทีวี) เกิดขึ้นภายหลังที่มีการออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์ฯ ซึ่งการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย อีกทั้ง กสทช.ก็ไม่ได้กำหนดมาตรการเยียวยา นอกจากนี้จำเลยยังให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าหากยังมีการดำเนินการต่อไปก็จะมีมาตรการปรับหรือพักใบอนุญาต ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์ประกอบธุรกิจโดยการเอาเปรียบ ข้อพิพาทดังกล่าวโจทก์ก็ได้ยื่นเป็นคดีต่อศาลปกครอง ซึ่งทั้งศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดก็มีคำพิพากษาให้เพิกถอนข้อกำหนดดังกล่าว

                 

ยกฟ้อง "นที รอง ปธ.กสทช." ไม่ผิดม.157

             คดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ซึ่งความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายตาม ป.อาญา มาตรา 157 นั้น การกระทำของจำเลยจะต้องแสดงให้เห็นถึงเจตนาพิเศษมิใช่เพียงว่าปฏิบัติหน้าโดยมิชอบแล้วเป็นความผิดเท่านั้น ซึ่งตามทางนำสืบของพยานโจทก์และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช.ฝ่ายจำเลยรวมทั้งตัวจำเลยได้ความว่า ก่อนออกประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 จำเลยก็มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช.ไปพิจารณาเนื้อหาการถ่ายทอดรายการเกี่ยวกับกีฬาอย่างรอบด้าน ซึ่งมีการพิจารณาถึงกีฬาฟุตบอลภาคพื้นแถบยุโรปด้วย โดยที่ผ่านมา ในการชมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ประชาชนก็สามารถรับชมการถ่ายทอดได้ และในการจะออกประกาศก็ได้ดำเนินตามกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ แล้วรวมทั้งบริษัทโจทก์ด้วย ซึ่งมีการเสนอรายงานผ่านการประชุม กสทช.ตามลำดับ ตั้งแต่เดือน ก.ย.-21 ธ.ค.55 โดยที่ประชุม กสทช.มีมติเห็นชอบร่างประกาศดังกล่าว เพราะเห็นว่าเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการรับชมรายการโทรทัศน์สำคัญและไม่ละเมิดโจทก์ต่อพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537  จึงให้นำรายการถ่ายทอดสดฟุตบอบโลกรอบสุดท้ายไปอยู่ในภาคผนวก เพื่อให้มีการแชร์สัญญาณสู่ฟรีทีวีที่ประชาชนทั่วไปสามารถรับชมได้อย่างเสมอภาค เป็นธรรม และเท่าเทียมกัน ซึ่งมีทั้งประชาชนที่ติดตามกีฬาฟุตบอลโลกอยู่แล้วกับกลุ่มที่ทราบข่าวและให้ความสนใจนี้ด้วย ศาลเห็นว่าการลงมติเห็นชอบและออกประกาศดังกล่าว เป็นการพิจารณาในรูปแบบของคณะกรรมการ เป็นขั้นเป็นตอน มิใช่พิจารณาโดยจำเลยเพียงลำพังและเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการรับชมรายการโทรทัศน์สำคัญ ซึ่งแม้จะกระทบสิทธิของโจทก์บ้างแต่การออกประกาศดังกล่าวก็ได้พิจารณาถึงประโยชน์ของประชาชนทั่วไปเป็นสำคัญ โดยการกระทำของจำเลยในฐานะรองประธาน กสทช. และประธาน กสท.ก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ส่วนที่โจทก์ยื่นคำขอผ่อนผันไปแล้วแต่ก็ปรากฏว่าระหว่างที่โจทก์ไปใช้สิทธิยื่นฟ้องคดีปกครอง ต่อศาลปกครองแล้ว โจทก์ก็ได้ถอนคำร้องผ่อนผันเอง ไม่ใช่กรณีที่จำเลยไม่ยอมพิจารณา และที่ภายหลังจำเลยได้แถลงข่าวเรื่องดังกล่าวมีเนื้อหากล่าวถึงมาตรการปรับ หรือการพักใบอนุญาตหากมีการฝ่าฝืนนั้น ก็เป็นกรณีที่จำเลยได้แถลงให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับมติที่ประชุมและแนวทางซึ่งขณะนั้นประชาชนก็ให้ความสนใจในข่าวดังกล่าว ประกอบกับในทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าการกระทำของจำเลยมีเจตนาพิเศษที่จะกลั่นแกล้งโจทก์ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่เพียงพอ จึงพิพากษายกฟ้อง

              ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว "พ.อ.นที" รองประธาน กสทช. กล่าวว่า ก่อนมาฟังคำพิพากษาก็ไม่ได้คาดการอะไร เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และเราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช.ก็เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อให้คนไทยทุกคนมีโอกาสที่จะได้รับบริการอย่างเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นการที่ใครบางคนได้รับผลกระทบบ้างนั้น เราก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างประชาชนทั้งประเทศกับเอกชนบางราย ดังนั้นจึงเป็นกระบวนการตัดสินใจเพื่อประชาชนและสาธารณะทั้งประชาชนทั่วไป คนด้อยโอกาส คนพิการ ได้มีรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก จะเห็นได้ว่าก่อนที่ กสทช.จะมีดำเนินการดังกล่าว ประชาชนทั่วไปจะต้องซื้อกล่องรับสัญญาณ ไม่เช่นนั้นก็จะจอดำไม่สามารถรับชมได้ เราจึงจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกสทช. ส่วนโจทก์จะอุทธรณ์หรือไม่นั้นก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้ แต่ยืนยันว่าเรามีเจตนาสุจริต ไม่ได้มุ่งที่จะกลั่นแกล้งใคร  

 


        

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ