"รมว.เกษตรฯ"ไล่เช็คบิล 2 โครงการยักษ์ ดันข้าวโพดหลังนา 1 ล้านไร่ -สร้างถนนยางทุกตำบลกว่า 7 หมื่นแห่ง จี้ให้เกิดผลงานจริง สั่งปลัดเกษตร ผู้ตรวจราชการ เร่งประสานผ
2 ธันวาคม 2561 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ส่งไลน์ด่วนที่สุด ถึงผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯและปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เรื่องขอให้เร่งรัดการไปตรวจติดตามงานสำคัญในพื้นที่
โดยขอให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯเรียกประชุมหรือกำชับให้ ผู้ตรวจราชการกระทรวง 12 ท่าน และผู้ตรวจราชการกรมในสังกัด กษ.ทุกกรม ได้ลงพื้นที่ไปตรวจติดตามและรับฟังสถานการณ์แก้ไขปัญหาทางการเกษตร 2 เรื่องสำคัญ 1.ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯไปพบผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทุกจังหวัดเพื่อติดตามโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาว่าจังหวัดสามารถเชิญชวนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการได้มากน้อยเพียงใดมีปัญหาอุปสรรคในเรื่องใดหรือประเด็นใดบ้างให้แก้ไขทันทีหรือหากเกินขีดความสามารถให้รายงานกษ.ส่วนกลางทราบด้วย
2.ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯทุกท่านไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อตรวจสอบว่าเกษตรจังหวัด (กษ.จ.)และผู้อำนวยการการยางส่วนจังหวัด(ผอ.กยท.)ได้มาพบเพื่อชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำโดยให้ ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)นำยางพาราไปทำถนนทุกตำบลกว่า 7 หมื่นแห่ง และกยท.พื้นที่มีการเริ่มต้นเตรียมการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางไร่ ละ1,800 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 15 ไร่แล้วหรือยัง มีปัญหาอุปสรรคในเรื่องใด ประเด็นใดบ้างให้รีบแก้ไขทันที หากเกินขีดความสามารถให่รายงานกษ.ส่วนกลางดำเนินการด้วย
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ยังเน้นย้ำปลัดกระทรวงเกษตรฯต้องวางระบบการรับรายงานผลการตรวจติดตามงานตามข้อ 1 และข้อ 2 ไว้ด้วยโดยให้รายงาน รมช.เกษตรฯและรมว.เกษตรฯทราบทุกระยะ ๆ โดยให้เริ่มรายงานทันทีที่ ผู้ตรวจฯกษ.ได้ลงพื้นที่ไปพบ ผวจ.แล้วหรือไม่ ภายในวันที่ 10 ธ.ค.61 ให้จงได้
รายงานข่าวเปิดเผยว่าหน่วยงานเกี่ยวข้องและภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการสานพลังประชารัฐในพื้นที่เป้าหมายได้แจ้งปัญหาการขับเคลื่อนได้ล่าช้า กับ รมว.เกษตรฯ ให้แก้ไขปัญหาที่ทำให้โครงการไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร แต่ที่ผ่านมาระดับกรมกับปลัดกระทรวงก็ยังแก้ไม่ได้ พร้อมกับเสนอทางออกให้จังหวัดเป้าหมายพื้นที่ปลูกข้าวโพดแทนการทำนาปรัง ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นแม่งานจะขับเคลื่อนได้ดีแต่ในส่วนจังหวัดที่ผู้ว่าราชการไม่ขับเคลื่อน โดยกระทรวงเกษตรฯ สหกรณ์การเกษตร ที่เข้มแข็ง มีแม่งานชัดเจนก็จะขับเคลื่อนได้ดี
อีกทั้งจังหวัดที่ 5 เสือไปทำงานประกอบด้วย กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน แต่ไม่มีแม่งานนั้นขับเคลื่อนช้าเพราะหน่วยงานระดับจังหวัดใหญ่เท่ากัน เลยทำงานยาก สำหรับจังหวัดในเขตชลประทานซึ่งมีระบบน้ำดี แต่กลับไม่มีแม่งานที่เข้มแข็ง ทำให้การขยายพื้นที่ปลูกในเขตชลประทานน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) อนุมัติปล่อยกู้ให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร ยากมากเนื่องจากพิจารณาว่า เกษตรกรมีหนี้อยู่เดิม ไม่สนใจว่า เป็นงบประมาณที่ครม.อนุมัติพิเศษ อัตราการปล่อยกู้ต่ำ ขั้นตอนยุ่งยาก เกษตรกรหลายรายถอดใจถอนตัว ทั้งที่อยากทำเพราะมาตรการจูงใจดี รวมถึงปัญหาขั้นตอนการจัดหาปัจจัยการผลิตและการเตรียมแปลงยุ่งยากเนื่องจากต้องดำเนินการผ่านสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์ที่เข้มแข็งดำเนินการได้ดี ส่วนสหกรณ์ที่ไม่เข้มแข็งทำให้ล่าช้า
ขณะนี้จำนวนพื้นที่เป้าหมาย13 จังหวัด มีเกษตรกรสมัครเข้าโครงการ 7 แสนกว่าไร่ เหลือเวลาถึงวันที่ 15 ม. ค. 62 ถ้าแก้จุดอ่อนเหล่านี้ได้ คาดว่า ถึง 1 ล้านไร่จะเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง