ข่าว

"ณัฏฐพล" ขึ้นเวทีดีเบต" กลุ่มนักเรียนเลว"ชุมนุม 3 ข้อเรียกร้อง 1เงื่อนไข

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ณัฏฐพล"ขึ้นเวทีดีเบต"กลุ่มนักเรียนเลว"ชุมนุม 3ข้อเรียกร้อง 1เงื่อนไข ยืนยันเปิดช่องทางรับข้อร้องเรียนทุกฝ่าย พร้อมแก้ไขกฎระเบียบล้าหลัง  ลั่น พร้อมพิจารณาตัวเอง หากหมดประโยชน์ต่อประเทศและระบบการศึกษา ท่ามกลางเสียงเป่านกหวีด โห่ไล่ให้ลาออกเป็นระยะ

กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘นักเรียนเลว’ วันนี้จัดกิจกรรมที่ใช้ชื่อว่า ‘หนูรู้หนูมันเลว’ หน้ากระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเรียกร้อง3ข้อคือ หยุดคุกคามนักเรียน /ยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง /ปฏิรูปการศึกษา และ1เงื่อนไขคือหากทำไม่ได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะต้องออกไป
ซึ่งไฮไลท์สำคัญของกิจกรรม คือการขึ้นเวทีดีเบตเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่าง ตัวแทนของกลุ่มนักเรียนเลว นายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งระหว่างการเข้ามาภายในพื้นที่ของเวทีการชุมนุม รัฐมนตรีฯ ได้เดินเข้ามาคนเดียว ตามเงื่อนไขของกลุ่มโดยไม่มีผู้ติดตาม เพราะก่อนหน้านี้ระหว่างออกมาจากกระทรวงศึกษามีผู้ติดตามมาจำนวนมาก
 

             "ณัฏฐพล" ขึ้นเวทีดีเบต" กลุ่มนักเรียนเลว"ชุมนุม 3 ข้อเรียกร้อง 1เงื่อนไข

 จากนั้นเวทีดีเบตเริ่มขึ้นเวลาประมาณ 17.25น. โดยทางกลุ่มนักเรียนเลว ได้สอบถามถึงข้อเรียกร้องเริ่มที่ การหยุดคุกคามนักเรียน ซึ่งรัฐมนตรี ศธ. ชี้แจง โดยให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีการคุกคาม และจากการรับเรื่องมา109โรงเรียน สืบทราบมาแลวว่ามีครูจำนวนน้อยที่ไม่เข้าใจถึงการแสออกของนักเรียน แต่ก็มีครูมากกว่า5แสนคนที่เข้าใจในเรื่องนี้ และวันนี้ตนเองได้เปิดช่องทางเพื่อรับเรื่องร้องเรียน และเรื่อที่พูดคุยอยู่วันนี้เป็นเรื่อที่ละเอียดอ่อนที่อาจจะไม่คุ้นเคยในประเทศ ซึ่งก็ต้องปรับตัว

                    "ณัฏฐพล" ขึ้นเวทีดีเบต" กลุ่มนักเรียนเลว"ชุมนุม 3 ข้อเรียกร้อง 1เงื่อนไข
ส่วนการประเมินในโครงการต่างๆ ที่จะมีการไปประเมินที่โรงเรียนนั้น ขณะนี้ กำลังทำเรื่องนี้เพื่อลดภาระอยู่แล้ว และการคุกคาม การล่วงละเมิดทางเพศ มีมาหลายสิบปีที่ผ่านครูที่คุกคามนักเรียนไม่เคยถูกไล่ออก แต่ใน6เดือนที่ผ่านมาไล่ออกไปแล้ว15ราย ซึ่งแม้จะเป็นปัญหาปลายเหตุ แต่ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขไปทั้งระบบ และยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ภูมิใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงมานั่งรับฟังนักเรียนเพื่อนำไปแก้ปัญหาและย้ำว่า การให้ข้อมูลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยืนยันว่าเป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่การกลั้นแกล้ง  ขณะที่ครูที่มีการคุกคามเด็กต้องถูกดำเนินการอย่างแน่นอนเพราะมีความผิดทางวินัย  และตราบใดที่การแสดงออกในโรงเรียนของนักเรียนสามารถทำได้ ตราบใดที่ไม่ก้าวก่ายสิทธิของคนอื่น และรัฐมนตรีศึกษายืนยันอีกว่า ไม่ได้ห้ามนักเรียนติดโบว์สีขาว เพราะก็ติดกันเต็มไปหมด

ขณะที่นายลภนพัฒน์ พูดในประเด็นนี้ว่า การคุกคามนักเรียน ไม่ใช่เรื่องใหม่ นักเรียนถูกตีมาหลาย 10 ปี พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดกระทรวงฯจึงใช้วิธีการเปิดรับเรื่องร้องเรียนที่ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยด้านข้อมูล มากกว่าการส่งตัวแทนไปประเมินตามโรงเรียนต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจการแก้ปัญหาให้นักเรียนจริงๆ

 ส่วนประเด็นยกเลิกกฎระเบียบล้าหลังและประเด็นปฏิรูปการศึกษา รัฐมนตรีฯ ยอมรับว่าการแก้ปัญหาที่ผ่านมา ยังมีเรื่องการประณีประนอม และไม่เข้มงวดมากพอ 
 ส่วนข้อเสนอให้ยกเลิกการใส่ชุดนักเรียนนั้น ส่วนตัวมองว่า การใส่ชุดนักเรียนทำให้เกิดความปลอดภัยในระดับหนึ่ง และเกรงว่าหากใส่ชุดตามสบายจะเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำตามมาด้วยแต่ยืนยันว่ามีการดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบที่ล้าหลังตั้งแต่ 2-5 ปี ขึ้นไป ซึ่งจะต้องทำให้ทันสมัยขึ้น และขณะนี้ยังไม่ได้มีตัวแทนนักเรียนเข้ามา แต่ก็เปิดโอกาสในการเสนอความคิดเห็น

 ขณะที่ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลว มองว่า การออกกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ เช่น การบังคับใส่ชุดนักเรียน การจำกัดทรงผม ไม่ได้เป็นการสร้างระเบียบวินัยให้กับเด็ก แต่เป็นทัศนคติที่ผู้ใหญ่ใช้มาบังคับเด็กและการออกมาพูดของรัฐมนตรีวันนี้ก็เป็นการพูดถึงแต่ปลายเหตุ ยังไม่เห็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

 นอกจากนี้ยังมีการให้รัฐมนตรีฯ จับสลากคำถามเพื่อตอบคำถามจากผู้ที่ส่งคำถามเข้ามา
 โดยคำถาม เรื่องระบบการศึกษามีไว้เพื่อใคร รัฐมนตรีตอบว่า ถ้าวันนี้ยังคิดว่ายังไม่ตอบสนองนักเรียนก็ต้องมาร่วมกันทำให้เกิดขึ้นในการตอบสนองนักเรียน เพราะนักเรียนคืออนาคตของประเทศชาติ

 คำถามที่ถามว่า ลูกเสือและ รด.เรียนไปเพื่ออะไร รัฐมนตรีฯ ตอบว่า เป็นการสร้างความมีส่วนร่วมอย่างหนึ่ง เพราะการเรียนมีการเสริมสร้างทักษะ และในขณะทุกคนก็มองว่ามีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ตนเองก็พร้อมรับฟัง ส่วนถ้าอยากทำกิจกรรมอื่นแทนลูกเสือ รด.นั้น ก็ให้เสนอมาว่าอยากทำกิจกรรมอะไร

ทั้งนี้รัฐมนตรีฯ ได้กล่าวตอนท้ายของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามที่กลุ่มได้ให้พูดในสิ่งที่อยากพูดกับนักเรียน ว่า อยากจะให้เคารพซึ่งกันและกัน และวันนี้เปิดเวทีในหลายรูปในการรับฟังความคิดเห็น และหากให้ขออะไรได้ก็มองว่า ไม่ควรให้มานั่งกดดันแบบนี้ เพราะตนเองเคยผ่านจุดนี้มาแล้วมันจะส่งผลไม่ดีกับประเทศ เกิดผลกระทบหลายอย่าง และขณะนี้ประเทศไทยเปราะบางที่สุด ซึ่งถ้าเรียนรู้ว่าอดีต จะพบว่าอดีตที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ประเทศไทยประสบผลสำเร็จ และวันนี้พร้อมรับฟังและนำไปปฏิบัติ 
และเมื่อไหร่ที่ตนเองคิดว่าไม่สามารถทำคุณประโยชน์ให้ประเทศและกระบวนการศึกษาได้แล้ว ก็พร้อมพิจารณาตัวเองแต่วันนี้ก็ยังทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ การพูดคุยกันด้วยสันติวิธีน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่ผ่านมาแก้ปัญหาไม่ได้เพราะไม่ได้มีเวทีแบบนี้ พร้อมขอบคุณกลุ่มที่ให้เวลามานั่งคุยกัน

 จากนั้นทางกลุ่มได้มอบของที่ระลึก เป็นหนังสือเรียน8กลุ่มสาระการเรียนรู้ และไม้เรียว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะไม่มีหลักสูตรการศึกษาและระบบการศึกษาเก่าๆอีก รวมถึงมอบนกหวีด 44 อัน และขนมปูไทย ให้ด้วย ซึ่ง รมว.ศธ.ได้ไหว้ขอบคุณ ก่อนจะลงจากเวที ท่ามกลางเสียงตะโกนโห่ร้อง หลายคนก็ตะโกนไล่ให้ลาออกและตลอดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนเวที มีการส่งเสียงโห่ร้อง เป่านกหวีดขับไล่รัฐมนตรีเป็นระยะ และมีการยืนชู 3 นิ้วระหว่างเคารพธงชาติ ทั้งนี้นักเรียนยื่นนกหวีดสีขาวให้กับรัฐมตรี โดยรัฐมนตรีตอบกลับว่า ที่บ้านตนเองมีนกหวีดเยอะแล้ว 

สำหรับบรรยากาศการชุมนุม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง มาร่วมสังเกตุการณ์ด้วย เช่น ช่อ พรรณิการ์ วานิช ,โบว์ นัฏฐา มหัธทนา 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ