ข่าว

"ศรีสุวรรณ"ค้านต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ โควิดทุเลาแล้วไร้เหตุผลที่จะต่ออายุต่อไป

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ศรีสุวรรณ"ค้านต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ โควิดทุเลาแล้วไร้เหตุผลที่จะต่ออายุต่อไป

 

22 พ.ค.63  นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง คัดค้านการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีรายละเอียดดังนี้
 

แถลงการณ์
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
เรื่อง คัดค้านการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
.......................................

ตามที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกมาแถลงผลการประชุมเพื่อพิจารณาการต่อพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 พ.ค.63 ว่า ที่ประชุมมติเห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน โดยอ้างว่าสถานการณ์โลกยังน่าเป็นห่วงอยู่ ประเทศไทยแม้จะประสบความสำเร็จแต่การผ่อนคลายแต่ละระยะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการระบาดรอบที่ 2 และจะมีการผ่อนคลายระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ในเดือนมิถุนายน จึงต้องมีเครื่องมือในการควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคติดต่อโคโรน่า 2019 (COVID-19) หรือ ศบค.ในวันนี้และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคาร ที่ 26 พ.ค.63 นั้น
ข้ออ้างในการต่ออายุ พ.ร.ก.ดังกล่าวไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคติดต่อโคโรน่า 2019 ได้ทุเลาลงไปมากแล้ว จนกลายเป็นการติดเชื้อโดยปกติเหมือนโรคติดเชื้ออื่นๆทั่วไปแล้ว เพราะหากจะให้ตัวเลขการติดเชื้อเท่ากับ “ศูนย์” อย่างต่อเนื่อง สังคมไทยก็คงต้องรอไปจนถึงชาติหน้าเท่านั้น เพราะโรคดังกล่าวไม่มีทางหมดไปจากประเทศไทยและโลกนี้ตามที่แพทย์ผู้รู้ได้ให้ความเห็นไว้

ทั้งนี้การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปจะกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการผ่อนคลายให้กิจการบางประเภทสามารถดำเนินการได้แล้วภายใต้กฎ New Normal ก็ตาม แต่ทว่าธุรกิจต่างๆส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นธุรกิจของกลุ่มนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลใช่หรือไม่ อีกทั้งคนที่เสนอและออกคำสั่ง มิได้มีผลกระทบใด ๆ เลย ยังคงได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน และเบี้ยประชุมกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ยิ่งมีการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยิ่งมีการจัดประชุมรับเบี้ยประชุม มีการตั้งด่านตรวจเคอร์ฟิวส์รับเบี้ยเลี้ยงกันทั่วทุกจังหวัดทั่วประเทศอย่างไม่ละอาย แต่กลับอ้างว่าเสียสละ กลายเป็นแหล่งบ่อเงินบ่อทองให้กับหน่วยงานบางหน่วยไปโดยปริยาย ซึ่งรัฐบาลไม่เคยประกาศให้ประชาชนรับรู้ได้ว่านับแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นต้นมา มีการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนคนทั้งประเทศเพื่อการดังกล่าวไปแล้วเท่าไร

นอกจากนั้น การบังคับตามข้อกำหนดของ พ.ร.ก.มีการเลือกปฏิบัติหรือบังคับกันแต่เฉพาะกับประชาชน คนธรรมดาทั่วไป หากแต่คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ มีตำแหน่งใหญ่โตกลับเพิกเฉยเสีย ดังกรณีที่ พล.อ.ประวิทย์ เดินทางไปปลูกป่าที่เชียงใหม่ มีข้าราชการ นักการเมืองแห่แหนกันไปร่วมเสนอหน้าเป็นจำนวนมาก ทั้งๆที่จังหวัดเชียงใหม่มีข้อกำหนดว่าถ้าคนต่างจังหวัดโดยเฉพาะจาก กทม.เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่จะต้องถูกกักตัว 14 วัน แต่ทว่าคณะของ พล.อ.ประวิทย์ ถูกกักตัวหรือไม่ สมช.ตอบได้หรือไม่
ดังนั้น การเสนอต่ออายุ พ.ร.ก.จึงไร้เหตุผลใดๆ ที่จะต่ออายุต่อไป ควรกลับไปใช้กฎหมายเดิม คือ พรบ.โรคติดต่อ 2558 ตามปกติต่อไป หากยังคิดว่ามีความสามารถหรือศักยภาพที่จะจัดการได้จริงตามที่คุยโวไว้ โดยไม่ต้องพึงเครื่องมือคือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป เว้นแต่จะใช้โรคระบาดเป็นข้ออ้างในการใช้และรักษาฐานอำนาจของพวกตนไว้เท่านั้น

แถลงมา ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563
นายศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
 

 
                                                  "ศรีสุวรรณ"ค้านต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ โควิดทุเลาแล้วไร้เหตุผลที่จะต่ออายุต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ