ข่าว

"จาตุรนต์" ซัด"บิ๊กตู่"เลิกเสพติดอำนาจถึงเวลาเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จาตุรนต์ ซัด"บิ๊กตู่"เลิกเสพติดอำนาจถึงเวลาเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เผยผลเสีย 8 ข้อ หากต่อใช้พ.ร.ก.

         นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กโดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เลิกคิดถึงแต่ความมั่นคงของตัวเอง หยุดใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้แล้ว เมื่อเป็นที่แน่ชัดแล้ว ว่าพลเอกประยุทธ์กำลังเสพติดอำนาจที่เกิดจากการใช้พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งคล้ายกับอำนาจเบ็ดเสร็จ ที่คุ้นชินมาหลายปี และพยายามจะขยายเวลาการใช้พรก.ฉุกเฉิน นี้ไปเรื่อย ๆ ผมจึงขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลเสียของการใช้พรก.ฉุกเฉิน ดังนี้

1.การออกคำสั่งต่าง ๆ เช่น การปิดสนามมวย ปิดผับ บาร์ การปิดสถานที่ ปิดกิจการ หรือห้ามทำกิจกรรม การห้ามเดินทางเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง รวมทั้งการห้ามชาวต่างชาติเดินทางจากประเทศเสี่ยงเข้ามายังประเทศไทย สามารถทำได้โดยอาศัยพรบ.โรคติดต่อ โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจตามพรก. หากยกเลิกการใช้พรก.ฉุกเฉินแล้ว ยังต้องการคงมาตรการใดไว้ ก็สามารถทำได้

 

2.มาตรการเพียงอย่างเดียวที่อาจต้องใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินคือ การประกาศเคอร์ฟิว แต่ประโยชน์ของการประกาศเคอร์ฟิว ที่แถลงอยู่ทุกวันคือ การจับกุมดำเนินคดีผู้ที่มั่วสุมจัดงานปาร์ตี้ยาเสพติด และผู้เล่นการพนัน ซึ่งความจริงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ที่ตำรวจจะต้องจับกุมดำเนินคดีอยู่แล้ว

 

3.การประกาศเคอร์ฟิวเป็นประโยชน์น้อยกว่าเป็นโทษ เพราะเป็นการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันการแพร่ระบาดน้อย เช่น การตั้งด่าน การบังคับใช้ประกาศเคอร์ฟิว ทำเหมือนบ้านเมืองกำลังมีความไม่สงบจากการจลาจล มากกว่ากำลังเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาด ทำให้มีการจับกุมดำเนินคดี จนถึงขั้นจำคุกผู้ที่ไปทำงานเกินเวลาบ้าง กลับบ้านไม่ทันเวลาบ้าง แทนที่จะไปห้ามปรามผู้ที่จับกลุ่มมั่วสุม ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน การบังคับใช้กฎหมาย โดยขาดความเข้าใจวัตถุประสงค์ ทำให้มีผลกระทบต่อการทำมาหากินของประชาชนจำนวนไม่น้อย

 

4.การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการแก้ปัญหาโรคระบาด ทำให้เกิดการจัดโครงสร้างองค์กรที่ผิดเพี้ยน เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ทำให้เกิดการใช้หน่วยงานแบบผิดฝาผิดตัวอย่างมาก เช่น ให้สมช.มาเป็นเลขาฯ และล่าสุดกำลังเป็นผู้พิจารณา ว่าจะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปหรือไม่ การใช้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาดูแลด้านความสงบเรียบร้อย และเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับการห้ามประชาชนเดินทาง ขณะที่โจรผู้ร้ายชุกชุมมากขึ้น กลับใช้ตำรวจไปตรวจร้านอาหาร หรือสถานประกอบการ ว่าปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขหรือไม่ แทนที่จะใช้เจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุข เป็นต้น

 

5.การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินมากระชับอำนาจของนายกฯ ดึงเอาอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ไปอยู่ที่นายกฯ หมด ทำให้รัฐมนตรีกระทรวงหลัก ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ การจัดองค์กรที่ผิดนี้ ทำให้รัฐบาลและระบบราชการทั้งระบบไม่ได้ทำงานอย่างมีบูรณาการ ทั้งในการแก้ปัญหาโควิด19 ที่มีหลายมิติ และการแก้ปัญหาของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน

 

6.การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้การทำงานแบบรวมศูนย์อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ทำลายแนวความคิดที่จะส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจการตัดสินใจ ไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ มีแต่จะแข่งขันกันใช้มาตรการให้เข้มกว่าคำสั่งกลาง ทั้ง ๆ ที่หลายจังหวัดไม่เคยมีผู้ติดเชื้อ หรือไม่มีมานานแล้ว

 

7.การออกคำสั่งโดยใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากส่วนกลางก็ดี จากแต่ละจังหวัดก็ดี มีแนวโน้มที่จะไม่สนใจรับฟังความเห็นของประชาชน การบังคับใช้กฎหมายรุนแรงเกินกว่าเหตุ และเกิดการลุแก่อำนาจได้ง่าย เนื่องจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่เห็นว่า ประชาชนฟ้องร้องต่อศาลไม่ได้ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเกินกว่าที่จำเป็น

 

8.การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เกิดการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ในการเสนอความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบและถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาล ทั้งโดยสื่อมวลชนและประชาชน สื่อมวลชนจำนวนไม่น้อย อยู่ในสภาพจำยอม ต้องเซ็นเซอร์ตัวเอง สังคมโซเชียลมีเดียถูกคุกคาม การจัดประชุมหารือเพื่อรวบรวมปัญหาความเดือดร้อน หรือข้อเสนอต่อรัฐบาลไม่สามารถทำได้ แม้แต่คณะกรรมาธิการของสภาไม่ประชุม ก็อ้างพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่สามารถจัดประชุมรับฟังความเห็นประชาชน การจำกัดสิทธิเสรีภาพนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางทางความมั่นคงของรัฐบาล มากกว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการรับมือกับโควิด19

         "โดยรวมแล้ว การใช้พรก.ฉุกเฉิน มีผลเสียมากกว่าผลดี ยิ่งต่อไปจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วยแล้ว การต่ออายุการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างที่พลเอกประยุทธ์คิดจะทำอยู่ จะมีผลเสียต่อประเทศชาติอย่างมาก" นายจาตุรนต์ กล่าว 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ